29 เมษายน 2024
รีวิวรีวิวปากกาหมึกซึม Montblanc Donation Pen Johann Strauss Special Edition

รีวิวปากกาหมึกซึม Montblanc Donation Pen Johann Strauss Special Edition

-

แม้ไรท์ติ้งอินไทยจะรีวิวปากกามาเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มปากกาชั้นสูง (fine writing instrument) อย่าง Montblanc Meisterstück 149, Graf von Faber-Castell, หรือ Montegrappa Fortuna มาบ้างแล้ว แต่ประสบการณ์รีวิวทั้งหมดก็ยากที่จะเทียบกับการรีวิวปากกาหมึกซึมด้ามสุดพิเศษ Montblanc Donation Pen Johann Strauss Special Edition ที่ทีมงานจะรีวิวในครั้งนี้

ด้วยงานออกแบบที่สวยงามและมีเอกลักษณ์อย่างมาก การเขียนที่นุ่มนวลดุจแพรไหม และไหลลื่นประดุจบทเพลงในอุปรากร Die Fledermaus น่าจะเป็นคำสรุปสั้นๆ ของปากการุ่นนี้ที่ทีมงานได้สัมผัสและเป็นเจ้าของ รวมถึงเป็นข้อสรุปสำหรับรีวิวนี้ด้วย และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านก็คงอยากจะสัมผัสกับปากกาด้ามนี้อย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน

ข้อมูลแจ้งเพื่อทราบ: รีวิวนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของทีมงาน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ ในทางการเงินจากแบรนด์หรือตัวแทนจำหน่าย ยกเว้นข้อมูลในทางประวัติศาสตร์และภาพประกอบเนื้อหาบางชิ้นที่ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น (ระบุไว้ใต้ภาพแล้ว)


[ ที่มาของ Montblanc Donation Pen | ประวัติของ Johann Strauss | รายละเอียดทางเทคนิค | บรรจุภัณฑ์และตัวปากกา | ทดสอบใช้งานจริง | ราคาและสถานที่ซื้อ | สรุป | เครดิตและอ้างอิง ]


ที่มาของ Montblanc Donation Pen Johann Strauss

อุทิศเพื่อศิลปะ เชิดชูศิลปิน

สำหรับหลายคน Montblanc ถือเป็นเครื่องเขียนชั้นสูงและเครื่องประดับความสำเร็จของตนเองที่ต้องมี ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทได้ออกเครื่องเขียนต่างๆ ออกมาหลากหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์ของกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกันออกไป

นอกเหนือไปจากรุ่นหลักอย่าง Meisterstück, Bohème และ StarWalker แล้ว สิ่งที่ Montblanc แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเขียนชั้นนำจากเยอรมนี มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ คือการสร้างสรรค์รุ่นพิเศษต่างๆ ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาเราก็มักจะได้เห็นปากกาออกมาอยู่จำนวนหนึ่ง เช่น รุ่น Rudyard Kipling หรือ Homer ที่อยู่ในกลุ่ม Writers Edition เป็นต้น

รุ่นพิเศษเหล่านี้ เช่น Patron of Arts, Writers Edition, High Artistry นับว่าเป็นปากกาที่หลายคนหาเป็นเจ้าของกัน และหลายครั้งเมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง ราคาของปากกาเหล่านี้ที่ซื้อขายกันในตลาดรองก็มีราคาที่สูงขึ้นมาก อย่างเช่นรุ่น Da Vinci ที่มีราคาสูงถึง 1.5 ล้านบาท เป็นต้น ทำให้หลายคนพยายามหามาเป็นเจ้าของ

หนึ่งในรุ่นเหล่านี้ ที่มักจะมีคนตามหาไม่แพ้กัน คือ Donation Pen ซึ่งเป็นปากกาอีกรุ่นที่มีความพิเศษมากกว่าปากกาปกติทั่วไป ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ผลิตมาจำนวนจำกัดในช่วงเวลาหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูศิลปินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายดนตรี รวมถึงทุกๆ ด้ามที่ซื้อ บริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งไปบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางด้านศิลปะในระดับสากลด้วย (20 ยูโรต่อด้าม สำหรับปากกาหมึกซึม และ 10 ยูโรต่อด้าม สำหรับปากกาลูกลื่นและโรลเลอร์บอล)

ตัวปากการุ่นนี้พัฒนามาจาก Meisterstück 146 รุ่นรองจาก 149 จากนั้นจึงนำมาเปลี่ยนการออกแบบให้สอดคล้องกับศิลปินและผลงานที่เขาทำในแต่ละรุ่น จากข้อมูล Paulo’s Pen Posts ระบุว่า ปากกาในรุ่นนี้ออกมาครั้งแรกเมื่อปี 1996 กับรุ่น Leonard Bernstein ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก จากนั้นจึงหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาออกในปี 200 – 2003, 2005-2007, 2010, 2012 และ 2017-2019 โดยล่าสุดคือรุ่น George Gershwin เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

สำหรับรุ่นที่ทีมงานนำมารีวิว เป็นรุ่น Johann Strauss วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 2017 เพื่ออุทิศให้แก่ Johann Strauss II หรือ Jr. ผู้ประพันธ์เพลงคลาสสิคชื่อดังอย่าง The Blue Danube, Kaiser-Walzer และบทอุปากรโอเปร่า Die Fledermaus ชื่อดังก้องโลก

[ กลับขึ้นด้านบน ]


ประวัติโดยสังเขปของ Johann Strauss II

Johann Strauss II หรือที่รู้จักกันในนามของ Strauss Jr., The Son เป็นบุตรของ Johann Strauss I (หรือ Sr.) นักประพันธ์เพลงคลาสสิคจากออสเตรีย เกิดเมื่อปี 1825 และเสียชีวิตลงในปี 1899 สิริอายุได้ 73 ปี

ช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขามีชื่อเสียงจากบทประพันธ์และเพลงจำนวนมาก ที่มาพร้อมกับความนิยมในเพลงวอลทซ์ที่ไว้ใช้ในช่วงเต้นรำสมัยศตวรรษที่ 19 ไม่ว่าจะเป็น Blue Danube ที่ทุกคนคุ้นเคยจนถึงปัจจุบัน, Kaiser-Walzer ที่เป็นเพลงฉลองความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรออสเตรเลียและจักรวรรดิเยอรมัน (ในขณะนั้น) และอุปรากร Die Fledermaus เป็นต้น

แม้ในเรื่องหน้าที่การงานของเขาจะประสบความสำเร็จ มีคนนึกถึงเพลงของเขาตลอดเวลา และหลายคนอาจจะนึกถึงเขาว่า เป็นผู้ที่ได้รับพรวรรค์จากผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นพ่อไม่ปรารถนาให้ Strauss Jr. เป็นนักประพันธ์ แต่กลับส่งเขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในธนาคาร ซึ่งทำให้เขาต้องแอบไปเรียนไอโอลินอย่างเงียบๆ กับ Franz Amon นักไวโอลินที่พ่อก็รู้จักเช่นกัน

ต่อมาพ่อได้ทิ้งครอบครัวไปเพื่อไปอยู่กับภรรยาคนใหม่ ทำให้เขากลับมาสนใจในดนตรีอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหนีไปจากร่มเงาของผู้เป็นพ่อได้ จนกระทั่งเขาขึ้นแสดงได้ครั้งแรกเมื่ออายุ 19 ปี ที่คาสิโนแห่งหนึ่งในเวียนนา ผลที่ตามมาคือพ่อเขาโกรธมากและไม่ยอมไปแสดงที่นั่นอีกเลย

ตัวเขาเองค่อนข้างหางานยากในเวียนนา แต่กลับโด่งดังนอกเวียนนา (หรือถ้าจะกล่าวให้ถูกต้อง คือ นอกอาณาจักรออสเตรีย) และเมื่อพ่อเขาเสียชีวิต เขามีโอกาสได้กลับมาควบคุมวงของพ่อเขาอีกครั้ง และมีชื่อเสียงอย่างมากในช่วงนั้น อย่างไรก็ตามด้วยสภาพรอบข้าง ทำให้เขาตกอยู่ในความเครียดและเสียสุขภาพจิตในปี 1853 และต้องพักผ่อน ก่อนที่จะกลับมาแสดงใหม่ในปี 1855

เขาเสียชีวิตเมื่อปี 1899 และต่อให้จากไปนานแค่ไหน แต่บทเพลงของ Johann Strauss II ยังคงโดดเด่นและโลดแล่นจนถึงปัจจุบัน ในหลายเวทีการแสดงมีการเล่นเพลงของเขาอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลา

[ กลับขึ้นด้านบน ]


รายละเอียดทางเทคนิคของปากกา

  • วัสดุหลัก: เรซิน
  • หัวเขียน: ทองคำ 14 กะรัต (Au585)
  • กลไกการสูบหมึก: Piston-filler
  • ขนาดของปากกา: 14 เซนติเมตร
  • เส้นผ่าศูนย์กลาง: 1.4 เซนติเมตร

[ กลับขึ้นด้านบน ]


บรรจุภัณฑ์และตัวปากกา

เมื่อเป็นรุ่นพิเศษ บรรจุภัณฑ์ย่อมไม่ธรรมดา โดยกล่องของปากการุ่นนี้มาในขนาดที่ใหญ่มาก ใหญ่กว่ากล่องปกติทั่วไปของ Montblanc แม้กระทั่ง Meisterstück 149 ก็ตาม เรียกได้ว่ามีลักษณะที่โดดเด่นมาก ภายนอกชั้นแรกของกล่องจะมีเพียงกล่องกระดาษหนาสีขาวครอบเอาไว้อยู่ เมื่อดึงออกจะพบกับกล่องด้านใน

บนกล่อง มีการพิมพ์หน้า ลวดลาย รวมถึงลายเซ็นของ Strauss เอาไว้ด้วย พร้อมกับข้อความและตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ ส่วนด้านข้างจะมีการแปะรหัส (serial number) รวมถึงข้อมูลการซื้อขายอื่นๆ กล่องทำมาจากกระดาษแข็งสีดำ

ตัวฝากล่องเป็นลักษณะยกขึ้น (lift-up) ซึ่งเป็นวิธีการเปิดกล่องแบบเดียวกับเครื่องประดับต่างๆ นับว่าแตกต่างจากปากการุ่นอื่นๆ ของบริษัทพอสมควร ที่ใช้วิธีการเปิดแบบฝาด้านหนึ่ง (clamshell box)

ในกล่องจะพบกับสิ่งของจำนวน 3 ชิ้นปรากฎวางอยู่ในถาด ประกอบด้วย กล่องเพลง ที่หมุนแล้วจะได้ยินเพลง Blue Danube Waltz เล่น, คู่มือและใบรับประกัน และตัวปากกาที่วางอยู่ด้านใน ตัวถาดทำมาจากผ้าสักหลาดพร้อมกับประทับตราสัญลักษณ์ Montblanc เอาไว้

สำหรับกล่องเพลงนั้นสามารถเล่นได้จริง แต่ถ้าจะเล่นเพลงออกมาก็ต้องจับให้แน่น กล่องทำมาจากกระดาษ และมีคันหมุน สามารถหมุนเพื่อเล่นเพลงได้สั้นๆ ทีมงานทดสอบแล้วพบว่าเสียงค่อนข้างเบา และถ้าหมุนจากตัวกล่องโดยไม่จับให้แน่นก็จะหมุนไม่ได้ (แกะกล่องด้านนอกออกมาหมุนยังทำงานได้ดีกว่ามาก)

เพลงที่เล่นออกมา จะเป็นท่อนหนึ่งของเพลง The Blue Danube Waltz ซึ่งทีมงานไม่แน่ใจว่าเป็นท่อนไหน

คู่มือเป็นการบอกรายละเอียดทั่วไปของปากกา รวมถึงประวัติของ Johann Strauss และแรงบันดาลใจในการออกแบบปากกา

สำคัญที่สุดคือตัวปากกา ซึ่งวันนี้ที่จะรีวิวกันเป็นปากกาหมึกซึม โดยมีป้ายราคาแนบมาด้วย ซึ่งราคาจำหน่ายอยู่ที่ด้ามละ 29,700 บาท และปัจจุบันรุ่นนี้ไม่มีการวางจำหน่ายอีกแล้ว เพราะพ้นสมัยไปแล้ว ทำให้ราคาจำหน่ายหลังจากนี้สำหรับของใหม่มากอาจปรับราคาขึ้นไปได้อีกครับ

Montblanc Donation Pen Johann Strauss

ความต่างของตัวปากกาที่เห็นได้ชัดๆ เมื่อเทียบกับรุ่นอย่าง Montblanc Meisterstück LeGrand 146 ที่ถือเป็นตัวต้นแบบให้เอามาปรับเปลี่ยน อยู่ที่การออกแบบเป็นหลัก เพราะรุ่น Meisterstück จะเป็นทรงซิการ์ ขณะที่รุ่นนี้ตัวปากกาจะเป็นทรงกระบอกแท่งๆ มากกว่า (ยกเว้นส่วนหมุนกลไกท้ายด้ามที่ลู่ลงเล็กน้อย)

ตัวคลิปปากกา (แหนบ) ออกแบบโดยใช้คันชักของไวโอลิน เก็บรายละเอียดทุกอย่างได้ครบถ้วนกระบวนความ

สำหรับวงแหวน จะมีการสลักลายเซ็นของ Strauss เอาไว้โดยรอบ พร้อมสัญลักษณ์บนแผ่นโน้ตดนตรีด้วย

ฝาปากกาด้านบน จะมีสัญลักษณ์ของแบรนด์ปรากฏเหมือนรุ่นอื่น สำหรับรหัสประจำปากกา (serial number) จะอยู่ที่วงแหวนด้านหลัง (ไม่ได้ถ่ายมา)

สำหรับปากกาหมึกซึม หัวเขียนของปากการุ่นนี้จะเป็น 14 กะรัต (ไม่ใช่ 18 กะรัต แบบรุ่นระดับสูงอื่น) โดยสำหรับรุ่นนี้มีการประทับหัวปากกาออกมาเป็นลายค้างคาว แทนความหมายถึงบทละครโอเปร่าเรื่อง Die Fledermaus นั่นเอง ส่วนรหัส 4810 ที่แทนด้วยความสูงของภูเขา Mont Blanc ก็ยังปรากฏอยู่เช่นเดิม

สำหรับกลไกการสูบหมึก ไม่ต่างจากปากการุ่นอื่นระดับสูงอย่าง Meisterstück 149 ที่เป็นแบบด้ามสูบ (piston-filler) นั่นเอง ซึ่งต้องหมุนท้ายด้ามเพื่อคลายตัวก้านสูบภายใน

หากท่านซื้อมาใหม่ จะมีสติกเกอร์ระบุขนาดเส้นติดเอาไว้ที่บริเวณตัวหมุนกลไกสูบหมึก (piston nob) ด้วย อย่างในกรณีนี้ที่ขนาดเส้นเป็น M (ไม่มีระบุบนหัวเขียน) ท้ายด้ามจะมีการแปะสติกเกอร์บ่งบอกว่าปากกาด้ามนี้มีขนาดเส้น M (Medium)

โดยภาพรวม ปากการุ่นนี้มีการออกแบบที่ “ล้อ” ไปกับการออกแบบหลักอย่าง 146 แต่เปลี่ยนการออกแบบและสไตล์บางส่วนให้พิเศษกว่าเดิมนั่นเอง

[ กลับขึ้นด้านบน ]


ทดสอบใช้งานจริง

ในครั้งนี้ ทีมงานทดสอบโดยใช้กระดาษ Double A ขนาด A4 ที่ความหนา 80 แกรม และใช้หมึกตัวล่าสุดที่ซื้อมาเพื่อทดสอบปากการุ่นนี้ นั่นก็คือ Montblanc Ink สี Lavender Purple ได้ผลการทดสอบออกมาด้านล่าง

ทีมงานซึ่งมีประสบการณ์รีวิวปากกา Montblanc มาอย่างต่อเนื่อง สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า หัวปากกาของ Montblanc Donation Pen Johann Strauss ทำผลงานออกมาได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่แพ้กับรุ่นพี่อย่าง 149 และรุ่นน้องอย่าง Classique/Boheme นั่นก็เพราะมาตรฐานและคุณภาพที่คงความต่อเนื่อง การเขียนทำได้ลื่นมาก เรียกได้ว่าเขียนได้เรียบลื่นบนกระดาษธรรมดาทั่วไปที่ใช้กันในสำนักงานได้ดี น่าประทับใจอย่างยิ่งยวด

จุดแตกต่างที่สำคัญเห็นจะเป็นเรื่องของการที่หัวปากกามีการตอบสนอง (feedback) ได้ดีกว่ารุ่น Classique หรือ Boheme นั่นก็เพราะทั้งสองรุ่นแรกนั้นเป็นหัวปากกาขนาดเล็กกว่า (ขนาด 4) ขณะที่หัวของปากการุ่น Strauss นี้จะอยู่ที่ 6 ซึ่งยืนอยู่ตรงกลาง และทำให้การตอบสนองทำได้ดีกว่ารุ่นเล็ก แต่แน่นอนว่าย่อมไม่ดีเท่ารุ่นระดับบนอย่าง 149 แน่นอน

ปากการุ่นนี้ยังคงคุณสมบัติแบบเดิม คือการจ่ายน้ำหมึกที่ออกมาพอดี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ในการทดสอบเพื่อหาว่าน้ำหมึกที่ปล่อยออกมามีมากหรือน้อยเพียงใดสำหรับรุ่นนี้ เรียกว่าทดสอบไม่ได้ เพราะอยู่ในข่ายที่พอดีจนเกินไป ผสานกับหมึกที่แห้งตัวเร็ว ก็ทำให้ทีมงานทดสอบแบบปากกาอื่นได้ยาก ในจุดนี้คนที่ใช้ปากกาหมึกซึมที่ชอบหมึกไหลลงกระดาษหรือผิวสัมผัสเยอะๆ อาจจะไม่ชอบ แต่ถ้าใช้ในส่วนสำนักงานอาจจะชื่นชอบ เพราะไม่ต้องรอนาน

สำหรับเรื่องการเติมหมึก อาจจะเรียกได้ว่าแทบเหมือนกับปากกาทั่วไปที่ใช้กลไกแบบหมุนเติมท้ายด้าม ซึ่งแม้จะจุหมึกได้เยอะกว่าแบบอื่น แต่การเติมจะยุ่งยากกว่า แล้วแถมถ้าล้างไม่ดีก็อาจจะมีหมึกเก่าติดอยู่ตามซอกได้ด้วย (ทีมงานต้องล้างอยู่หลายรอบกว่าจะเก็บได้) ซึ่งทีมงานแนะนำตามวิดีโอด้านล่างนี้

ในเรื่องของการเขียนอื่นๆ ปากกาด้ามนี้ถือว่ามีน้ำหนักที่เบา และไม่มีอาการเขียนไปนานๆ แล้วเมื่อยมือ หรือปากกาถ่วงน้ำหนักจนไม่สมดุล เรียกว่าออกแบบมาได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง

[ กลับขึ้นด้านบน ]


ราคาและสถานที่จำหน่าย

ปากการุ่นนี้นำเข้ามาจำหน่ายโดยบริษัท DKSH ประเทศไทย ในฐานะตัวแทนอย่างเป็นทางการของแบรนด์ ราคาจำหน่ายของปากกาด้ามนี้อยู่ที่ 29,700 บาท (ใกล้เคียงกับ 149) และในปัจจุบันไม่ได้มีการวางจำหน่ายอีกแล้ว เนื่องจากพ้นสมัยไปแล้ว (ตกรุ่น) ในประเทศไทย ส่วนในต่างประเทศยังคงเห็นบ้างอยู่ประปราย

หากต้องการหาปากกาด้ามนี้มาครอบครอง ปากการุ่นนี้ถูกปล่อยวางจำหน่ายในตลาดรองโดยมีราคาที่ยังไม่สูงจนเกินไปนัก (ราวๆ 30,000 บาท สำหรับด้ามที่ยังไม่เคยใช้) ซึ่งจำเป็นต้องซื้อจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่

อนึ่ง ปากการุ่นพิเศษของ Montblanc มักจะมีนโยบายในการซ่อมและเปลี่ยนหัวปากกาที่แตกต่างจากรุ่นปกติ ทีมงานแนะนำให้สอบถามทางผู้จัดจำหน่ายเพิ่มเติม นอกจากนั้น ค่าซ่อมของปากกาก็จะแพงกว่าปกติด้วยเช่นเดียวกัน

[ กลับขึ้นด้านบน ]


สรุป

แม้ทีมงานจะเคยรีวิวปากกามาหลายรูปแบบ ทั้งถูกทั้งแพงบ้างปะปนกันไป แต่กับปากกาที่มีความพิเศษเช่นนี้นับว่าเป็นครั้งแรกอย่างจริงจังที่ได้มีโอกาสมารีวิว และอาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในรีวิวใหญ่ที่สุดประจำปีนี้

ปากการุ่นนี้หากมองในมิติการใช้งานแล้ว ย่อมไม่ต่างจากปากกาหมึกซึมปกติทั่วไปของ Montblanc ที่เชื่อถือได้ ใช้งานได้ดี เชื่อถือได้ เขียนคล่อง เรียกได้ว่ายังคงคุณสมบัติทางด้านการเขียนได้อย่างคงเส้นคงวามาก

อย่างไรก็ตาม ด้วยการออกแบบที่แตกต่างไปจากปากการุ่นปกติ ทำให้ Montblanc Donation Pen Johann Strauss รุ่นนี้ มีความพิเศษที่มากกว่าปกติทั่วไป และมีสถานะที่พิเศษกว่าปากการุ่นอื่นๆ ที่เราเคยรีวิวมา และอาจจะนับได้ว่าปากการุ่นนี้เป็นปากการุ่นพิเศษจริงๆ ที่สามารถยกสถานะกลายเป็นของสะสมได้ไม่ยาก รวมถึงมีโอกาสที่จะกลายเป็นของหายากในอนาคตด้วยเช่นกัน

หากจะซื้อปากกานี้เพื่อเก็บสะสม ทีมงานอาจจะขอให้ท่านพิจารณาบทความว่าด้วยการลงทุนสะสมปากกาเป็นตัวประกอบ เพื่อพิจารณาให้ครบถ้วนและรอบด้าน แต่หากท่านต้องการที่จะซื้อปากการุ่นนี้มาใช้งานเพื่อความแตกต่าง และถือว่าเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับการใช้งานเครื่องเขียนของท่าน หรือท่านหลงไหลในดนตรีของ Johann Strauss II แล้ว ปากการุ่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ท่านไม่สามารถพลาดได้อย่างแน่นอน

ในคู่แข่งระดับใกล้เคียงกัน คงเลี่ยงไม่พ้น Pelikan บริษัทผลิตเครื่องเขียนจากเยอรมนีอีกเจ้าหนึ่งที่มักจะออกรุ่นพิเศษมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามด้วยลักษณะของการวางจำหน่ายในประเทศไทย ทำให้ตลาดกลุ่มนี้แบรนด์ Montblanc สามารถครองตลาดไปได้นั่นเอง

ส่วนอีกแบรนด์หนึ่งคือ Sailor ที่มักจะมีปากการุ่นพิเศษออกวางจำหน่ายอยู่เสมอ ก็เป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่ควรพิจารณาเช่นกัน อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนการผลิตที่น้อยกว่ามาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้โอกาสในการเข้าถึงย่อมยากกว่าแบรนด์อย่าง Montblanc นั่นเอง

กล่าวโดยสรุปแล้ว นี่คือปากกาด้ามหนึ่งที่คนชอบปากการุ่นพิเศษไม่ควรพลาดที่จะมีอยู่ในการสะสม เพราะการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์เฉพาะตัว แต่ยังคงความเป็น Montblanc เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน รวมถึงมิติของการเขียน ซึ่งถ้ามีโอกาสได้เป็นเจ้าของ ทีมงานเชื่อว่าท่านจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

จุดเด่นจุดด้อย
การออกแบบที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ราคาแพง ทั้งตัวปากกาและค่าบริการ
เขียนได้ดี ทำผลงานได้น่าประทับใจหาซื้อได้ยากมาก (ณ ขณะนี้)
เก็บรายละเอียดการออกแบบที่เกี่ยวกับนักประพันธ์ครบถ้วนทำความสะอาดยาก

[ กลับขึ้นด้านบน ]


เครดิตและอ้างอิง

  • ข้อมูลเกี่ยวกับ Johann Strauss: Biography.com, Britanica Encyclopedia, Concert Vienna, BBC (1, 2)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับ Donation Pen: Paulo’s Pen Posts
  • ภาพถ่ายโดย: ศิระกร ลำไย, ภัทรนันท์ ลิ้มอุดมพร
  • เรียบเรียง: ภัทรนันท์ ลิ้มอุดมพร
  • สถานที่: Krungthai Precious Centre, ICONSIAM ชั้น 5

[ กลับขึ้นด้านบน ]

ความเห็นภาพรวม

เป็นปากกาที่ควรค่าแก่การสะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชื่นชอบด้านดนตรี เพราะการออกแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูง และยังคงใช้งานได้ดีเหมือนกับปากกา Montblanc ตามปกติ แต่ด้วยราคาที่สูงและความหายาก ทำให้การได้มาเป็นเจ้าของอาจจะยากลำบากกว่าปากกาโดยทั่วไป
ทีมงานไรท์ติ้งอินไทย
ทีมงานไรท์ติ้งอินไทย
Writing in Thai (ไรท์ติ้งอินไทย) เว็บไซต์รวบรวมเรื่องราวของ ปากกา ปากกาหมึกซึม และเครื่องเขียนอื่นๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ มีทั้งปากกาหมึกซึม ดินสอ ปากกาลูกลื่น ข่าว อัพเดต ความรู้ หมึก การเขียน รีวิว เทคนิค สาระและความรู้

เนื้อหายอดนิยม

ติดตามเราบน Facebook

เป็นปากกาที่ควรค่าแก่การสะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชื่นชอบด้านดนตรี เพราะการออกแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูง และยังคงใช้งานได้ดีเหมือนกับปากกา Montblanc ตามปกติ แต่ด้วยราคาที่สูงและความหายาก ทำให้การได้มาเป็นเจ้าของอาจจะยากลำบากกว่าปากกาโดยทั่วไปรีวิวปากกาหมึกซึม Montblanc Donation Pen Johann Strauss Special Edition