แม้หลายท่านจะชื่นชอบปากกา Graf von Faber-Castell อย่าง Classic Pernambuco หรือ Tamitio แต่ก็ต้องยอมรับว่า ด้วยราคาที่ถือว่า “แพง” ทำให้หลายคนไม่สามารถหามาเป็นเจ้าของได้โดยง่าย ไรท์ติ้งอินไทยจึงขอเสนอรีวิวต้อนรับปี 2563 กับ Faber-Castell e-Motion เครื่องเขียนระดับบนของแบรนด์ Faber-Castell ที่มีคุณภาพดีและทัดเทียมกับ GvFC แต่ราคาต่างกันพอสมควรครับ

หมายเหตุ ปากกาด้ามนี้ทีมงานจัดซื้อมาเอง โดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ ร้านค้า หรือตัวแทนจำหน่ายแต่ประการใด

รู้จักกับ Faber-Castell e-Motion

ในกลุ่มของเครื่องเขียนจาก Faber-Castell ที่จับตลาดทั่วไป เรามักจะเห็นว่ามีอยู่หลากหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็น Basic ที่เป็นรุ่นพื้นฐาน หรือ LOOM ซึ่งทีมงานเคยรีวิวไปแล้ว แต่ละตัวนอกจากจะมีความแตกต่างในเรื่องของดีไซน์และราคาแล้ว ยังมีความแตกต่างในเรื่องของการผลิตอีกด้วย (บริษัทมีโรงงานผลิตในหลายประเทศ แน่นอนว่าหลายรุ่นไม่ได้ผลิตที่เยอรมนี) ซึ่งบริษัทออกมาตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละกลุ่ม

สำหรับ e-Motion ถือเป็นรุ่นเครื่องเขียนสูงสุดของกลุ่มเครื่องเขียนทั่วไป และถือเป็นตัวท้ายๆ ก่อนที่จะขยับระดับขึ้นไปที่ Graf von Faber-Castell แบรนด์ระดับสูงของบริษัท เริ่งออกวางจำหน่ายครั้งแรกในช่วงปี 2000 ต้นๆ (ราวปี 2003) และวางจำหน่ายต่อเนื่องเรื่อยมา

จุดเด่นที่มีความโดดเด่นอย่างมากสำหรับปากการุ่นนี้คือการออกแบบที่เหมือนซิการ์ รูปทรงแปลกตาออกไปจากปากกาปกติ แต่ยังคงใช้หัวเขียนแบบเดียวกับ LOOM แทบจะทุกประการ ดังนั้นแล้วในเรื่องของประสิทธิภาพในการเขียนจึงไม่มีความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ นอกจากนั้นแล้วยังมีลวดลายพิเศษ และวัสดุพิเศษแปลกๆ เช่น ไม้ หรือ หนังเทียม มาทำเป็นวัสดุหลักของตัวด้ามอีกด้วย

ในปัจุบัน ปากการุ่นนี้มีวางจำหน่ายในหลากหลายสีสัน มีทั้งปากกาลูกลื่น ปากกาหมึกซึม และโรลเลอร์บอล แต่ละสีสันหรือวัสดุก็มีความแตกต่างในเรื่องของราคาที่แตกต่างกันไปเช่นกัน ตั้งแต่ 2,000 กว่าบาท ไปจนถึง 6,000 กว่าบาท ขึ้นกับรูปแบบการเขียนและสีสันที่เลือก (สี Pure Silver ถือว่ามีราคาที่สูงที่สุดในปัจจุบัน)

สำหรับรีวิวนี้ เราเลือกเป็นรุ่น Pearwood Black ที่ใช้ไม้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวัสดุปากกาครับ

สำรวจบรรจุภัณฑ์

ปากการุ่นนี้มาในกล่องที่เรียบหรูสองชั้น ชั้นด้านนอกเป็นรูปสะพานพร้อมกับตราโลโก้ของบริษัท

เมื่อดึงออกมา จะพบกับกล่องด้านในที่มีสีขาว ทำมาจากกระดาษแข็งเคลือบเงา พร้อมประทับตราของบริษัทปรากฎอยู่ ในแง่ของความคาดหวังบรรจุภัณฑ์ทีมงานอาจจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอยู่บ้าง (ค่าตัวปากกาด้ามนี้ไม่ใช่น้อย) แต่เมื่อตระหนักว่านี่เป็นกลุ่มที่จับตลาดทั่วไปแล้ว ทำให้ความคาดหวังของทีมงานที่มีตอนแรกสูงเกินไปเล็กน้อย

ตัวกล่องเหมือนลิ้นชัก สามารถดึงปลายออกมาได้ เผยให้เห็นปากกาที่อยู่ด้านใน

ในกล่องด้านใน ประกอบไปด้วยคู่มือที่เป็นใบพับขนาดเล็ก และตัวปากกาที่ถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก

สำรวจตัวปากกา

ตัวปากกาภายนอกเป็นทรงซิการ์ขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมาก ส่วนปลอกปากกาใหญ่กว่าตัวด้าม วัสดุที่เป็นโลหะมีความเงาสูงมาก ใช้โลหะผสม (ไม่ระบุชนิด) ทำให้มีน้ำหนักที่ถือว่าค่อนข้างมากกว่าปากกาปกติทั่วไป

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับด้ามที่นำมารีวิว คือการใช้ไม้เป็นวัสดุส่วนหนึ่ง นับว่าดูดีมากและทำให้ปากกามีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสัมผัส การใช้งาน และรูปลักษณ์

ไม้ที่ใช้เป็น Pearwood สีดำ เมื่อต้องกับแสงจัดจะแปรเปลี่ยนสีน้ำตาลเข้ม ถือเป็นเอกลักษณ์ที่หาตัวจับได้ยากสำหรับปากการุ่นนี้

ปลอกปากกามีลักษณะที่ใหญ่ มีการตกแต่งกึ่งๆ เหลี่ยมมุมเล็กน้อย และประทับตราของบริษัทเอาไว้อย่างโดดเด่น

ส่วนหัวของปลอกปากกา มีส่วนที่เว้าลงไปเป็นหลุม

คลิป/แหนบของปากกา เป็นลายเส้นพริ้ว มีการใส่สปริงไว้ ทำให้โยกได้ และมีการประทับคำว่า “Germany” เพื่อแสดงให้เห็นว่าปากการุ่นนี้มาจากโรงงานที่ผลิตในเยอรมนี (บริษัทมีโรงงานอยู่ในหลายประเทศ แต่รุ่น e-Motion ทั้งหมดยังทำในเยอรมนี)

ส่วนท้ายด้ามที่เป็นโลหะก็เว้าเข้าไปเช่นกัน

ระบบจ่ายหมึกของปากกา ใช้ตามมาตรฐานสากล (Standard International Cartridge/Converter) เรียกว่าหมดกังวลกับปัญหาของการต้องใช้หลอดหมึกหรือที่สูบหมึกแบบพิเศษ

ตัวปากกาใช้หัวเขียนเป็นเหล็กกล้าไร้สนิมแบบเดียวกับ LOOM ทำให้สามารถใช้ร่วมกันได้ถ้าหมุนแล้วเอาออกมาถูกวิธี ทีมงานเลือกเป็นขนาดเส้น EF ครับ มองในแง่บวกคือการดูแลรักษาที่อาจจะมีต้นทุนต่ำ แต่มองในแง่ลบคือ ปากการาคาค่อนข้างสูงเช่นนี้ หัวเขียนที่มายังเป็นเหล็กกล้าไร้สนิมเท่านั้น บางท่านอาจจะรู้สึกว่าราคาไม่ค่อยได้สัดส่วน (out of proportion) กับสิ่งที่ได้

หมดจากการสำรวจปากกาแล้ว เข้าสู่ช่วงทดสอบเขียนกันครับ

ทดสอบเขียน

เช่นเคย ทีมงานใช้ปากกาด้ามนี้ทดลองเขียนบนกระดาษ Double A ขนาด A4 ที่ความหนา 80 แกรม ส่วนหมึกใช้เป็น LAMY Crystal สีน้ำเงินดำ Benitoite ได้ผลการทดสอบออกมา ดังนี้

ในเรื่องของการเขียน ปากกาด้ามนี้สามารถเขียนได้ดีมาก เรียกว่ารักษาระดับจาก LOOM ได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นขนาดเส้นแบบ EF ซึ่งเล็กมากก็ตาม นอกจากนั้นแล้วยังไม่มีการกินเนื้อกระดาษด้วย ตัวปากกาจ่ายน้ำหมึกมาค่อนข้างมากอยู่ ทำให้เขียนแล้วไม่รู้สึกสากหรือแห้งแต่อย่างไร ยกเว้นตอนเขียนกลับหัวที่อาจจะมีความรู้สึกกินเนื้อกระดาษขึ้นบ้าง

อย่างไรก็ตาม สำหรับจุดอ่อนของปากกาตัวนี้อยู่ที่การเขียนตอนเริ่มเขียนครับ ทีมงานพบว่าปากกามีอาการเริ่มต้นยาก (hard start) อันเป็นอาการที่ไม่พึงประสงค์ของปากกา และเมื่อส่องด้วยแว่นขยายกำลังสูง ก็พบว่ารางจ่ายหมึกของปากกาตัดกับหัวไม่ตรงแนว ทำให้มีอาการนี้

สำหรับการใช้งานจริง ทีมงานพบว่าหากเสียบฝาเข้าตัวด้าม (post) ผลก็คือปากกาแทบจะเขียนไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้สมดุลเลย สิ่งที่ทำได้สำหรับทีมงานคือการถอดปลอกปากกาแล้วตั้งไว้บนโต๊ะ แม้จะทำให้ดูเท่ในการใช้งาน แต่เอาเข้าจริงแล้วทีมงานรู้สึกว่าปากกาด้ามนี้ควรจะเสียบปลอกท้ายด้ามเขียนได้มากกว่า

ในเชิงการพกพา ปากกาด้ามนี้เรียกว่าพกได้ยากพอสมควร เนื่องจากขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และอวบอ้วน ทำให้ปากกานี้เหมาะกับการใช้ในห้องประชุม หรือที่ทำงาน มากกว่าจะเป็นในที่อื่นๆ ครับ

ราคาและสถานที่จำหน่าย

ในปัจจุบัน ปากการุ่นนี้ไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการจาก DKSH ประเทศไทย ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ทีมงานพบร้านขนาดเล็กที่นำเข้ามาเอง และวางจำหน่ายในย่านราคาประมาณ 4,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับยุโรป อย่างไรก็ตามในเรื่องของการรับประกันอาจเป็นจุดบอดในส่วนนี้ ดังนั้นทีมงานจึงแนะนำให้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนครับ

สรุป

ในภาพรวมแล้ว ปากกาด้ามนี้มีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาที่ยังไม่ขึ้นไปสูงมาก (เมื่อเทียบกับรุ่นเริ่มต้นของ GvFC อย่าง Tamitio) เป็นรุ่นที่ผลิตในเยอรมนี หรือการใช้วัสดุที่เป็นไม้และการออกแบบที่โดดเด่น เสริมเอกลักษณ์ของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

สำหรับการเขียน ปากกาด้ามนี้สามารถทำผลงานได้ดี ไม่ต่างจาก LOOM ที่ทีมงานเคยรีวิว อย่างไรก็ตามอาจถือเป็นความโชคร้ายเล็กน้อย เพราะด้ามที่ทีมงานได้รับมานั้นมีการตัดช่องทางไหลของหมึกบนหัวปากกาที่ไม่อยู่ตรงกลาง ทำให้เวลาเริ่มต้นเขียนทำให้หมึกไม่ออก ต้องทิ้งไว้พักหนึ่งถึงจะเริ่มออก แต่เมื่อเขียนออกแล้วก็ทำผลงานได้ดีมาก

อย่างไรก็ตาม ปากกาด้ามนี้อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เนื่องจากน้ำหนักของตัวด้ามที่หนักมาก ทำให้การเสียบปลอกปากกาด้านหลังแล้วเขียน (post) เป็นไปไม่ได้ รวมถึงราคาที่ถือว่าค่อนข้างสูงเอาการอยู่

คู่แข่งทางตรงของปากการุ่นนี้ หนีไม่พ้น Visconti Breeze ที่ทำราคามาใกล้เคียงกัน, Pilot Custom 74 ที่ราคาเบากว่าแต่ได้หัวเขียนเป็นทองคำ 14 กะรัต หรือหากไม่ต้องการลูกเล่นมากมาย LOOM ซึ่งเป็นรุ่นล่างสุด คือคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับปากการุ่นนี้

สำหรับคนที่อยากได้ปากกาด้ามนี้ อาจจะต้องพิจารณาสักเล็กน้อยถึงจุดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ แต่ถ้าชอบปากกาที่ด้ามใหญ่ มีทรงซิการ์ และใช้วัสดุที่แปลก แตกต่าง เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงเสริมภาพลักษณ์ของการเป็นผู้บริหาร ทีมงานเชื่อว่าปากกา Faber-Castell e-Motion ด้ามนี้ตอบโจทย์การใช้งานของท่านผู้อ่านได้อย่างแน่นอน