หากจะกล่าวถึงปากกาจากร้าน มูจิ (MUJI) หลายคนที่ติดตามไรท์ติ้งอินไทย มักจะนึกถึงปากกาลูกลื่น หรือ ปากกาหมึกซึม ทว่าในตลาดแล้ว สิ่งที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดของแบรนด์ คือ ปากกาหมึกเจลมูจิ ที่ทำให้แบรนด์มูจิ ถูกกล่าวถึงอยู่เสมอเมื่อนึกถึงเครื่องเขียน

ทีมงานไรท์ติ้งอินไทยได้ลองใช้ปากกานี้มานานพอสมควร และพบว่าสร้างผลงานที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก จึงถ่ายทอดออกมาเป็นรีวิวนี้ให้ผู้อ่านทุกท่านครับ

รู้จักกับแบรนด์ และ ปากกาหมึกเจลมูจิ

มูจิ (MUJI) เป็นแบรนด์สินค้าและร้านค้าจากประเทศญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ประการหนึ่ง คือ การไม่มีแบรนด์แปะอยู่ที่สินค้าแต่มีคุณภาพสูง และเน้นจำหน่ายด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 และเป็นแบรนด์เอกเทศในปี ค.ศ. 1989 โดยในประเทศไทย กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เป็นผู้นำแบรนด์นี้เข้ามาในประเทศ จึงหน่ายสินค้าทั้งเครื่องเขียน กระดาษ อุปกรณ์ต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ น้ำหอม เตียง และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ อีกมากมาย

ในมิติของเครื่องเขียน ไรท์ติ้งอินไทยเคยรีวิวปากกามูจิไปบ้างแล้ว ทั้งปากกาหมึกซึมและปากกาลูกลื่น แต่เครื่องเขียนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของแบรนด์ คือปากกาหมึกเจล (ชื่อทางการคือ ปากกาลูกลื่นหมึกเจล) ที่แต่เดิมมีราคาอยู่ในโซนสูงพอสมควร (ราวๆ 35/45 บาท แล้วแต่แบบ) แต่ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ออกโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับราคาสินค้าลงมาจนเหลือ 29 บาท เป็นการถาวร เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2562

จุดเด่นประการหนึ่งของปากกาหมึกเจลจากมูจิ อยู่ที่ตัวเลือกที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นทั้งสี รูปแบบ และความสามารถในการเขียนที่อยู่ในระดับดีเยี่ยมเกินค่าตัวไปมากโข ความหลากหลายในตัวเลือกเช่นนี้ ทำให้หลายคนกลายมาเป็นแฟนานุแฟนอย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้แล้วระบบปากกาที่ใช้ไส้แบบเดียวกัน ทำให้สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ง่าย และยังไม่ต้องทิ้งปากกาที่เขียนหมดแล้วด้วย (ซื้อแค่ไส้ก็พอ – ราคา ณ วันที่เขียนอยู่ที่ 25 บาท)

ปัจจุบัน ปากการุ่นนี้มีไส้หลายสีขายด้วยกัน ประกอบด้วย สีดำ, สีแดง, สีน้ำเงิน-ดำ, สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีส้ม, สีเหลือง, สีมชมพู เป็นต้น ในต่างประเทศจะมีสีอย่างเช่น สีฟ้าอ่อน เพิ่มเข้ามาด้วย (ทีมงานไปสำรวจยังไม่เห็นในขณะนี้ สินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลือกได้ทุกเมื่อ)

รูปร่างและลักษณะ ปากกาหมึกเจลมูจิ

สำหรับปากกาหมึกเจลมูจิ มีด้วยกันทั้งหมด 3 ประเภท โดยแบบที่นำมารีวิวเป็นลักษณะฝาปลอกปากกา และด้ามกดแบบใส ส่วนลักษณะด้ามแบบกดกึ่งใสไม่ได้เอามารีวิวครับ (หน้าตาด้ามแบบกึ่งใส สามารถดูได้ที่นี่)

แบบฝาปลอกปากกา

แบบแรกที่เรามาเริ่มสำรวจกัน (และน่าจะเป็นแบบที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยที่สุด) คือแบบฝาปลอกปากกาที่เป็นทรงกระบอกตรงทั้งด้าม ส่วนปลอกขนาดใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อย ใช้พลาสติกเป็นโพลิโพรพิลีนแบบขุ่น ให้คุณสมบัติกึ่งโปร่งใส สามารถมองเห็นปริมาณน้ำหมึกภายในได้ระดับหนึ่ง

ปากกามีน้ำหนักเบามากิ ส่วนวิธีการใช้ก็เป็นการถอดปลอกออกมาแล้วเสียบไปที่ด้านหลังของตัวด้ามปากกา เพื่อเปิดหัวออกมาใช้งานครับ

จุดเด่นของปากการุ่นนี้ประการหนึ่ง (ในกรณีที่ไม่ได้ซื้อตัวปากกาแยกจากไส้ ซึ่งมีขาย) คือการระบุขนาดเส้นเอาไว้ที่ส่วนหัวของปลอกปากกาเลย เรียกว่าไม่ต้องยากลำบากกับการนั่งเดาว่าขนาดเส้นของปากกาตัวเองเท่าไหร่ (ถ้ามีเยอะ)

แบบด้ามกด (click)

อีกรุ่นหนึ่งที่เรามักจะเห็นกันช่วงก่อนหน้านี้ (ปัจจุบันเริ่มไม่ค่อยเห็นแล้ว) คือรุ่นที่เป็นแบบด้ามกดเพื่อเลื่อนไส้หมึกลงมาเขียน รุ่นนี้ใช้พลาสติกใสกับยางสีขาวขุ่น

จุดเด่นหลักอยู่ที่คลิปสีน้ำเงินที่ทำทรงและรูปแบบคล้ายกับคลิปหนีบกระดาษ คือเป็นทรงรีตรงกลางเป็นช่องเว้นไว้ (เป็นเอกลักษณ์มาก)

ปุ่มกดด้านบนเป็นแบบใส กลไกก็เป็นแบบทั่วไปตามที่พบเห็นกันได้สำหรับปากกาแบบปุ่มกดทั่วไปครับ

ตรงกลางด้ามมีเกลียวที่ใหญ่พอตัว สามารถหมุนเพื่อแกะออกมาใส่ไส้ใหม่ได้ (ไส้ทั้งสองรุ่นใช้แทนกันได้)

ตัวยางบริเวณที่จับเป็นสีขาวขุ่นโปร่งแสงครับ

ทดสอบเขียน

ทีมงานทดสอบเขียนปากกาทั้ง 2 รุ่น บนกระดาษ Double A ขาด A4 ที่ความหนา 80 แกรม โดยมีทั้งหมด 4 ด้าม ดังนี้

• แบบด้ามฝาปลอก ขนาดเส้น 0.38 มิลลิเมตร สีน้ำเงิน
• แบบด้ามฝาปลอก ขนาดเส้น 0.50 มิลลิเมตร สีน้ำเงินดำ
• แบบด้ามฝาปลอก ขนาดเส้น 0.70 มิลลิเมตร สีน้ำเงิน
• แบบด้ามกด ขนาดเส้น 0.50 มิลลิเมตร สีน้ำเงิน

ได้ผลการทดสอบออกมา ดังภาพนี้

ประการแรก สิ่งที่สังเกตได้คือความแตกต่างและเข้มของสี ในกรณีของสีฟ้า หัวขนาด 0.38 มิลลิเมตร จะให้สีที่อ่อนกว่าพร้อมกับขนาดเส้นที่เล็ก ส่วนหัวขนาด 0.70 มิลลิเมตร จะให้หมึกออกมามากกว่า ทำให้สีที่ได้เข้มกว่าเดิม

ประการที่สอง หมึกของปากกาเจลแบบกด ให้สีที่ใกล้เคียงกับปากกาน้ำเงินทั่วไปที่เราใช้ชีวิตประจำวัน (น้ำเงินติดโทนสีกรมท่า) ขณะที่ส่วนสีน้ำเงินของอีกสองด้ามให้โทนเป็นน้ำเงินท้องฟ้า คล้ายกับหมึก Pilot Iroshizuku Kon-Peki สำหรับด้ามสีน้ำเงินดำ (0.50 มิลลิเมตร) ให้สีที่ตรงตามชื่อ

ใครที่จะซื้อปากกาชุดนี้ อาจจะต้องคิดถึงความต่างของสีและขนาดเส้นเล็กน้อยครับ

เมื่อทดลองเขียนจริงๆ หัวขนาด 0.38 มิลลิเมตรค่อนข้างจิกกระดาษ เขียนแล้วไม่ค่อยราบรื่นเท่าใดนัก ส่วนขนาด 0.7 มิลลิเมตร ก็ใหญ่พอสมควร หัวที่ทีมงานรู้สึกได้ชัดเจนว่าเขียนดีที่สุดอยู่ที่ 0.5 มิลลิเมตรครับ

จุดสังเกตอีกอย่างคืออาการหมึกเยิ้ม ประเด็นนี้พบเห็นได้หากทีมงานลากเส้นยาวๆ ที่ส่วนปลายจะมีหมึกส่วนเกินออกมา ทำให้เวลามือไปโดนก็จะเลอะได้ตามภาพนี้ ปัญหานี้มีน้อยที่สุดสำหรับหัว 0.38 มิลลิเมตร

แต่ถามว่าโอกาสที่จะเกิดมีสูงแค่ไหน คำตอบก็คือ “น้อยมาก” เนื่องจากการลากเส้นยาวๆ แบบนั้น เกิดขึ้นน้อยนั่นเอง

ในเรื่องของความลื่น ทุกด้ามของปากกาหมึกเจลมูจิ เขียนได้ลื่นแบบไม่มีข้อกังขา เรียกได้ว่าทำผลงานได้ดี แม้ว่าจะทิ้งเอาไว้โดยไม่เขียนถึงเดือนครึ่ง เมื่อกลับมาเขียนใหม่ก็ไม่มีอาการเขียนยาก (hard start) ให้กวนใจ เรียกว่าประทับใจมาก สมคำร่ำลือถึงความดีงาม

ส่วนจุดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ ทีมงานรู้สึกว่าการใช้ปากกาแบบกด (click) รุ่นที่มียางที่จับ ใช้งานได้ดีกว่า เนื่องจากจุดที่จับเป็นยางมีความนุ่มนวล ทำให้เวลาใช้งานเป็นระยะเวลายาวๆ ผ่อนคลายและไม่ต้องเกร็ง ขณะที่ด้ามแบบปิดปลอกจะเกิดอาการเมื่อยมือเมื่อใช้ไปได้ระยะหนึ่งครับ (ราวๆ 3 นาที ถ้าเขียนต่อเนื่องแบบไม่หยุด)

เนื่องจากปากกาทั้งสองแบบมีน้ำหนักที่เบา ทำให้ไม่เกิดอาการหน่วงหรือปัดไปมาระหว่างการใช้ เรียกว่าโอเคมากเลยทีเดียว ใช้งานได้สบาย

ราคาและสถานที่ซื้อ

สำหรับปากการุ่นนี้ มีจำหน่ายเฉพาะที่ร้านมูจิ (MUJI) ทุกสาขาทั่วไทยเท่านั้น (ไม่นับร้านที่ซื้อมาจากร้านเหล่านั้น แล้วเอามาขายต่อ, กดดูสาขาได้ที่นี่) ราคาเดิมอยู่ที่ 35/45 บาท แต่ทางบริษัทเพิ่งประกาศปรับราคาไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ราคาเหลือด้ามละ 29 บาท ซึ่งนับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพการเขียน

ราคาของไส้เปลี่ยนอยู่ที่ 25 บาทต่อไส้ และมีหลายสีให้เลือกใช้ ส่วนใครที่ชอบซื้อตัวด้ามเปล่าแล้วเอามาใส่ไส้เองก็ทำได้เช่นกัน แต่ราคารวมจะทำให้ต่อด้ามอาจจะแพงกว่าแบบที่จำหน่ายอยู่แล้วครับ

สรุป

โดยภาพรวม ปากกาหมึกเจลมูจิ ทำผลงานได้น่าประทับใจ สมคำร่ำลือที่ว่าเป็นหนึ่งในปากกาที่ใช้งานได้ดีและถือเป็นปากกายอดนิยมของหลายคน (และไม่แปลกใจที่จะซื้อใช้งานกันทีละหลายๆ ด้าม)

ข้อเด่นคงอยู่ที่ดีไซน์ ทนการระเหยได้ยาวนาน และคุณสมบัติของการเขียนที่ทำได้ในระดับลื่นมาก (เรียกภาษาบ้านๆ ก็คือลื่นหัวแตก) ส่วนจุดด้อยที่จะมีบ้าง อยู่ที่เรื่องของการเขียนในระยะยาวที่แบบกดทำได้ดีกว่า (ไม่เมื่อย), กัดกระดาษในกรณีหัวเล็ก และน้ำหมึกเยิ้มถ้าลากไปยาวๆ ครับ

สำหรับความน่าซื้อนั้น ต้องยอมรับว่าปากกามูจิเป็นปากกาที่แพง เมื่อเทียบกับปากกาคู่แข่งในตลาดเดียวกัน (เช่น Uniball Jetstream หรือ Quantum) แต่ถ้าดูจากประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการเขียน รวมถึงว่าซื้อไส้มาใช้งานต่อได้ ปากกามูจิทำผลงานได้ดีกว่าอย่างแน่นอนครับ

เป็นปากกาที่ซื้อใช้เองก็ได้ หรือจะซื้อให้คนอื่นก็ดีครับ ไว้ใจได้อย่างแน่นอน