ปฏิเสธไม่ได้ว่า BNK48 คือเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังแห่งยุคสมัยที่ใครก็ต้องการตัว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ต้องการพบปะศิลปินที่ตนเองชอบ ออร์กาไนซ์เซอร์ของงานที่ต้องการให้สมาชิกวงไปแสดง หรือแม้แต่บริษัทต่างๆ ที่ต้องการพรีเซนเตอร์ของสินค้าต่างๆ และเช่นเดียวกับ สมใจ x BNK48 ที่เป็นชุดเครื่องเขียนที่เป็นของสะสมสำหรับเหล่าแฟนคลับ BNK48 ซึ่งประกาศมาช่วงเดือนพฤษภาคม ก็เริ่มทยอยส่งมอบให้กับแฟนคลับบ้างแล้ว
ไรท์ติ้งอินไทย ขอนำท่านไปพบกับชุดเครื่องเขียนดังกล่าว โดยถ่ายทอดรีวิวทั้งในมุมของการเขียนและคุณค่าทางจิตใจครับ
BNK48 กับความสำเร็จในประเทศไทย
BNK48 เป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปไอดอลที่ก่อตั้งเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว โดยชื่อ “BNK” นั้นย่อมาจาก “Bangkok” หรือกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
BNK48 เป็นหนึ่งในวงน้องสาวของ AKB48 หรือ “อะกิฮาบะระโฟร์ตี้เอท” ซึ่งย่านอากิฮาบะระของญี่ปุ่นคือที่ตั้งโรงละครของวงนี้ และเลข 48 มาจากการล้อชื่อของ Shiba Kotaro (วงไม่ได้มีสมาชิก 48 คนแต่ประการใด)
BNK48 เปิดตัวซิงเกิลชุดแรกของวงด้วยเพลง “อยากจะได้พบ (Aitakatta)” ก่อนที่ซิงเกิลที่สองของวงหรือ “คุกกี้เสี่ยงทาย (Koi Suru Fortune Cookie)” จะได้รับความนิยมอย่างมหาศาลในไทย ด้วยทำนองเพลงที่ฟังง่าย ท่าเต้นประกอบที่ใครก็เต้นตามได้ และเนื้อเพลงที่นอกจากจะเรียบง่ายแล้ว ยังมีท่อนที่ร้องว่า “ให้คุกกี้ทำนายกัน” ซึ่งติดหูใครหลายต่อหลายคน
จุดเด่นและเอกลักษณ์ของ BNK48 คือการที่สมาชิกวงแต่ละคนมีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเฌอปราง – เฌอปราง อารีย์กุล กัปตัน (หรือผู้นำ) ของวงที่มีภาพลักษณ์เป็นสาวเก่ง ด้วยดีกรีนักศึกษาเคมีเชิงคำนวนจากมหาวิทยาลัยมหิดล, ปัญ – ปัญสิกรณ์ ติยะกรณ์ ผู้ที่ได้ฉายาว่า “ปัญคน (เคย) แมน” ด้วยภาพลักษณ์ของสาวหล่อที่กลัวผี หรือมิวสิค – แพรวา สุธรรมพงศ์ ที่ได้รับฉายา “สิคกัตจู” จากความสามารถในการทำเสียงปิกะจูของเธอ
ปัจจัยเหล่านี้เองที่ทำให้ฐานแฟนคลับ (ซึ่งมักเรียกตัวเองว่า “โอตะ” ต่างจากความหมายของคำเดิมในภาษาญี่ปุ่นที่สื่อไปทางแง่ลบ) ของ BNK48 มีอยู่มาก และช่องการการทำกำไรของ BNK48 นอกจากการออกงาน คือการจำหน่ายสินค้าลายเมมเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพสำหรับสะสม, พวงกุญแจ หรือการแถมรูปไปกับแผ่นซีดีเพลงที่วางจำหน่าย นอกจากนี้แล้วต้นสังกัดของ BNK48 ยังขายสิทธิ์การใช้งานเมมเบอร์ในฐานะสื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งนี่คือที่มาของชุดเครื่องเขียนที่สมใจทำร่วมกับ BNK48
การกลับมาครั้งใหม่ของสมใจ กับร้านเครื่องเขียนอายุร่วมหกสิบปี
สมใจเป็นร้านเครื่องเขียนของคนไทยซึ่งเปิดให้บริการมามากกว่าหกสิบปี สาขาแรกของร้านสมใจตั้งอยู่ที่ย่านพาหุรัด ตรงข้ามโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อนค่อยๆ เปิดสาขาเพิ่มทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
หนึ่งในการก้าวเดินครั้งสำคัญของสมใจ คือความพยายามในการปรับเปลี่ยนธุรกิจของตัวเองให้สอดรับกับโลกออนไลน์ ไม่นานมานี้้สมใจเพิ่งเปิดเว็บไซต์ออนไลน์สำหรับสินค้า รวมถึงวางภาพลักษณ์ของแบรนด์ใหม่ให้ดูทันสมัย สลัดภาพเก่าของร้านเครื่องเขียนสมใจว่าเป็นร้านเครื่องเขียนโบราณ และปฏิเสธไม่ได้ว่าชุดเครื่องเขียนสมใจ x BNK48 คือชุดเครื่องเขียนที่ดีที่สุดในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์สมใจในยุคปัจจุบัน
เครื่องเขียนในฐานะของสะสม
ปากกาเป็นหนึ่งในของสะสมที่ได้รับความนิยมเหนือกาลเวลา ไม่ต่างจากการสะสมนาฬิกา หรือของสะสมอื่นๆ
ผู้ผลิตปากกาหรูหราระดับโลกจำนวนมากมักเข็นปากการุ่นพิเศษ (limited edition) สู่ตลาดตามโอกาสอันเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นปากกาที่เรารู้จักกันดีอย่าง LAMY ที่จะออกสี limited edition ตามโอกาสต่างๆ จนถึงปากกาแบรนด์เนมอย่างเช่น Montblanc ที่มีคอลเลกชั่นรุ่นพิเศษอันหลากหลาย เช่นตระกูล “Patron of Art” ที่เป็นการออกแบบปากกาเพื่อเชิดชูผู้ซึ่งสร้างสรรค์ผลงาน หรือมีส่วนร่วมต่อวงการศิลปะ และจัดจำหน่ายเพียงไม่กี่ด้ามในแต่ละปี
และปฏิเสธไม่ได้ว่าปากกาสำหรับสะสมมักจะถูกออกแบบมาให้มีวัสดุ รูปลักษณ์ และการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อถ่ายทอดถึงความพิเศษของเครื่องเขียนในฐานะของสะสม และเพื่อยกระดับคุณค่าของตัวเครื่องเขียนเอง
ทีมงานเชื่อว่าชุดเครื่องเขียน สมใจ x BNK48 จะเป็นที่ซึ่งของสะสมของวงการเกิร์ลกรุ๊ปไอดอล และการเก็บเครื่องเขียนในฐานะของสะสม มาบรรจบกัน ด้วยความร่วมมือจากหนึ่งในร้านเครื่องเขียนชื่อดัง และวงเกิร์ลกรุ๊ปไอดอลที่ดังที่สุดของไทยในขณะนี้
แกะกล่องเครื่องเขียน และรูปลักษณ์ภายนอก
ชุดเครื่องเขียน สมใจ x BNK48 มาในกล่องขนาดใหญ่มาก คงไม่เกินจริงมากเกินไปหากจะบอกว่ากล่องขนาดนี้นับว่าใหญ่เกินความจำเป็นได้ด้วยซ้ำ ตัวกล่องเป็นกล่องกระดาษไม่หนา แต่ขึ้นรูปสองชั้น ฝาด้านบนเป็นพลาสติกใส (ไม่ได้เป็นแผ่นหนาแบบงอไม่ได้ แต่ก็ไม่น่าจะขาดได้ง่าย) ที่สามารถเปิดออกได้ โดยรวมถือว่าบรรจุภัณฑ์ทำออกมาได้สมราคาทีเดียว
ตัวกล่องมีสินค้าทั้งหมด 6 รายการ ได้แก่
- กล่องดินสอ เป็นสินค้าชนิดเดียวที่สมใจบอกว่าจะมีจำหน่ายในภายหลัง
- สมุด สุ่มหนึ่งเล่มจากสินค้าสองแบบ เล่มที่ทีมงานได้เป็นสมุดไม่มีลาย
- ดินสอกด
- ปากกา สุ่มสามลายจากเมมเบอร์สามคน ได้แก่เฌอปราง ปัญ และมิวสิค
- ไม้บรรทัด สุ่มสองลายจากสี่ลาย
- ยางลบ
เพื่อความสะดวก ทีมงานจะขอไล่รีวิวของทีละชิ้นไปตามลำดับข้างต้น
กล่องดินสอ
กล่องดินสอที่สมใจเลือกให้มาในชุดเครื่องเขียน เป็นกล่องเหล็กขนาดไม่ใหญ่ ผู้เขียนมองว่านี่คือกล่องขนาดปกติที่สามารถพกไปใช้ได้อย่างสะดวก
ด้านบนของกล่องดินสอพิมพ์รูปเมมเบอร์เซมบัตสึ (ผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้แสดง) เพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ทั้ง 16 คน โดยมีโมบายล์ – พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค ผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นเซนเตอร์ (ตำแหน่งที่เด่นที่สุดในเพลง) อยู่บริเวณกลางกล่องดินสอ
ด้านล่างของกล่องดินสอไม่พิมพ์ลาย มีเพียงสีม่วงซึ่งเป็นสีประจำวงของ BNK48 ข้างในเป็นอะลูมิเนียมเปล่า
ความไม่ประทับใจในสินค้าของทีมงานอย่างแรก เกิดจากการพบว่าบริเวณกล่องดินสอมีรอยบุบ (สังเกตบริเวณไหล่ของมิวสิค – แพรวา สุธรรมพงศ์ เซนเตอร์ของเพลง “วันแรก”) นั่นหมายถึงว่ากระบวนการผลิตสินค้าอาจมีคุณภาพไม่ดีอยู่บ้าง
สมุด
ความเข้าใจในตอนแรกของทีมงานหลังจากอ่านรายละเอียดของสินค้า คือสมุดที่ได้จะได้สมุดทั้งมีเส้นและไม่มีเส้น ซึ่งลายสมุดสุ่มทั้งสองเล่มสุ่มแตกต่างกันไป อย่างไรก็ดีทีมงานพบว่าสินค้าจริงเป็นการสุ่มสมุดมาให้ (สมุดมีเส้นหนึ่งลาย และสมุดไม่มีเส้นหนึ่งลาย) เล่มที่ทีมงานได้รับเป็นสมุดมีเส้น
หน้าปกด้านหน้าของสมุดมีสมาชิก 8 คนจาก 16 คนในเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย เมื่อรวมหน้าปกหลังจึงครบสมาชิกทั้ง 16 คน
หากพิจารณาโดยละเอียด รูปของเมมเบอร์บนสมุดกับกล่องดินสอ (และในความเป็นจริงคือรูปบนสินค้าทุกชิ้น) เป็นเมมเบอร์ในอิริยาบทเดียวกันหมด ทีมงานมองว่าหากเลือกใส่เมมเบอร์ในท่าทางที่หลากหลาย จะทำให้สินค้าได้รับความสนใจมากขึ้น เหมือนกับโฟโต้เซ็ทของ BNK48 เอง ที่นอกจากชุดที่เมมเบอร์ใส่จะแตกต่างกันในโฟโต้เซ็ตแต่ละชุดแล้ว การสุ่มขายสามแบบจากภาพถ่ายทั้งตัว – ครึ่งตัว – โคลสอัพ ก็ทำให้คนมีความต้องการสะสมให้ครบมากยิ่งขึ้น
ลายพิมพ์ของสมุดถือว่าดีใช้ได้ (ในภาพอาจจะดูไม่ชัด แต่ของจริงดีกว่านี้) สมุดที่ทีมงานได้รับเคลือบปกยูวีแบบเงามา (และทีมงานเข้าใจว่าสมุดไม่มีเส้นก็เคลือบปกมาแบบเดียวกัน)
ตัวสมุดให้กระดาษมา 20 แผ่นคู่ (เทียบเท่า 40 แผ่นคี่ หรือเขียนได้หน้าหลังรวม 80 หน้า) เนื้อกระดาษเป็นเนื้อกระดาษสมุดมาตรฐาน ไม่ได้บางถึงขั้นสมุดโรงเรียน แต่ก็ไม่ได้ดีเหมือนเนื้อกระดาษชั้นดีแต่ประการใด
ไม้บรรทัด
ไม้บรรทัดที่แถมมาในกล่องเป็นแบบสุ่มสองชิ้นจากสี่ลาย ซึ่งทีมงานได้ไม้บรรทัดลายปัญ-ตาหวาน-มิวสิค และเนย-ปูเป้-อร-น้ำหนึ่ง
ทีมงานมีข้อสังเกตสองประการ ประการแรกคืองานพิมพ์ของไม้บรรทัดนั้นพิมพ์มาไม่ละเอียด ในภาพบริเวณใต้ตาขวาของอรอุ๋งมีรอยเปื้อนอยู่เป็นหย่อม
การลบรอยเปื้อนบนพลาสติกนั้นอาจทำได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อพลาสติกมีงานพิมพ์ หนึ่งในวิธีที่มักนิยมทำคือการใช้อะซิโตน (acetone) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของน้ำยาล้างเล็บ อย่างไรก็ตามอะซิโตนเป็นตัวทำละลายพลาสติกอย่างดี และอาจทำให้งานพิมพ์ส่วนอื่นเสียหายได้
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือส่วนของไม้บรรทัดหน่วยนิ้วที่พิมพ์มาให้มีการจัดทิศทางที่ต่างจากไม้บรรทัดทั่วไป คือวัดจากขอบด้านล่างเลยโดยไม่ต้องพลิก ทีมงานเข้าใจว่าเพื่อไม่ให้รูปของเมมเบอร์กลับหัวขณะใช้ แต่การจัดรูปแบบในลักษณะดังกล่าวสวนทางกับสามัญสำนึกโดยทั่วไป
ดินสอกด
ดินสอกดที่ให้มาในกล่องเป็นดินสอกดพลาสติกทั้งด้าม ตัวด้ามพิมพ์โลโก้ของวง BNK48 พร้อมลายวงกลม บริเวณหัวดินสอกดเป็นพลาสติกทั้งหมด รวมถึงตัวยึดไส้ดินสอ
ข้อสังเกตที่ทำให้ทีมงานค่อนข้างผิดหวังในคุณภาพของสินค้า คือการที่ตัวสินค้าเก็บรายละเอียดมาไม่เนียนมาก บริเวณที่กดของดินสอกดนั้นนอกจากจะเก็บรอยต่อพลาสติกไม่เนียนแล้ว ตัวกดยังสามารถเขยื้อนไปมาได้ ไม่แน่นหนาเท่าที่ควร
อีกหนึ่งจุดที่ทำให้แปลกใจคือวิธีการใส่ไส้ดินสอ ซึ่งต้องหมุนตัวด้ามทั้งด้ามออกมา ทีมงานมองว่าการใส่ไส้ดังกล่าวเป็นวิธีที่แปลกเมื่อเทียบกับการดึงหัวปิดบริเวณที่กดออกมาเพื่อใส่ไส้ดินสอ
โดยรวมแล้วคุณภาพของดินสอกดถือว่าทำได้พอใช้ จุดตำหนิหลักอีกหนึ่งจุดคือตัวดินสอไม่มีคลิปหนีบมาให้
ปากกา
เป็นความโชคดีของทีมงานที่ได้รับปากกาลายเฌอปราง ซึ่งเป็นคามิโอชิ (สมาชิกในวงที่ชอบที่สุด) ของทีมงาน ตัวปากกาเลือกสุ่มจากสามลาย (เฌอปราง/มิวสิค/ปัญ) ตัวปากกาขึ้นรูปด้วยพลาสติกชนิดเดียวกับดินสอ
จุดหนึ่งที่ทีมงานพอชื่นชมงานออกแบบได้ คือบริเวณคลิปหนีบปากกาที่ทั้งการออกแบบและวิธียึดกับด้ามชวนให้นึกถึงปากกา Caran d’Ache 849 ไม่ใช่น้อย อย่างไรก็ดีการออกแบบนี้ขัดกับบริเวณตัวกดปากกาที่เป็นพลาสติกใสขึ้นรูปอยู่ กล่าวคือจะออกแบบให้ทางการก็ไม่สุด จะออกแบบให้ขี้เล่นก็ไม่สุดเช่นกัน
แม้ทีมงานจะได้ปากกาลายเฌอปราง ซึ่งเป็นปากกาที่อยากได้มากที่สุด แต่ก็ต้องมาผิดหวังกับคุณภาพโดยรวมของสินค้า เนื่องจากลายพิมพ์บริเวณปากกามีการเคลื่อนอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นปากกาด้ามนี้จึงไม่สามารถสอบผ่านในฐานะของสะสมที่มีคุณภาพสมบูรณ์แบบได้สักเท่าไหร่
ยางลบ
สินค้าชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในบ็อกซ์เซ็ตสมใจ x BNK48 คือยางลบ เป็นยางลบสีขาวธรรมดาที่ห่อมาในกระดาษพิมพ์ลาย BNK48 จากการสัมผัสทีมงานเชื่อว่ามียางลบที่คุณภาพดีกว่านี้มาก
ทดลองใช้เครื่องเขียน
กระดาษสมุด
หลายคนอาจจะอยากหยิบสมุดในชุดของสมใจ x BNK48 มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเขียนงานทั่วไป หรือพับแล้วปาให้ลอยไป เป็นเหมือนเครื่องบินกระดาษ แต่อาจจะไม่สะดวกใจที่จะใช้เนื่องด้วยความเป็นของสะสมของ BNK48
ทีมงานทดลองกระดาษกับปากกาสองด้าม ได้แก่ปากกาในเซ็ตเครื่องเขียนเอง และปากกา Faber-Castell LOOM หัวขนาด M ที่โหลดหมึก Montblanc Mysterious Black ไว้
ตัวกระดาษค่อนข้างไม่ซึมหมึก เวลาการแห้งของปากกาจึงช้าอยู่มาก อย่างไรก็ตามทีมงานต้องถือว่าเนื้อกระดาษนั้นดีในระดับหนึ่ง
รีวิวปากกา
ทีมงานทดลองใช้ปากกาของชุดเครื่องเขียน บนกระดาษดับเบิ้ลเอ ความหนา 80 แกรม
ถึงจะไม่คาดหวังอะไร แต่ทีมงานพบว่าปากกาของสมใจที่ให้มานั้นเป็นปากกาลูกลื่นธรรมดาที่เขียนได้ลื่นใช้ได้ การเขียนทำได้ทุกทิศทาง และแม้จะมีน้ำหมึกออกมาจางบ้างเป็นระยะแต่โดยรวมถือว่าไม่เลว อย่างไรก็ตาม ทีมงานได้รับแจ้งว่ามีปากกาบางด้ามที่เขียนไม่ติดตั้งแต่ออกมาจากกล่อง นั่นยิ่งสะท้อนถึงปัญหาในการคุมคุณภาพการผลิตของสินค้า
อย่างไรก็ตาม แม้ปากกาจะเขียนดี แต่ทีมงานเชื่อว่าการหยิบปากกาด้ามอื่นในราคาไล่เลี่ยกันมาพิจารณา ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำ
- MUJI Fountain Pen (อ่านรีวิวได้ที่นี่) เป็นปากกาหมึกซึมราคา 420 บาทที่ให้ความรู้สึกดีในการเขียนแทบไม่ต่างกัน พร้อมยังมาด้วยรูปลักษณ์อะลูมิเนียมทันสมัย
- Faber-Castell LOOM (อ่านรีวิวได้ที่นี่) เป็นปากการาคาประมาณหนึ่งพันบาทที่ให้ความรู้สึกลื่นและดีมากในการเขียน
ทีมงานมองว่าปากกาทั้งสองด้ามตอบโจทย์ทางด้านความคุ้มค่าในฐานะเครื่องเขียนมากกว่า
คุ้มไม่คุ้ม จะคุ้มไม่คุ้ม ก็ลองเสี่ยงดูอีกสักนิด?
คำถามหลักที่สำคัญสำหรับทีมงานไรท์ติ้งอินไทยคือ ในราคา 990 บาท บ็อกซ์เซ็ตนี้มีความคุ้มค่ามากแค่ไหน? ทั้งในแง่ของการตอบโจทย์ในฐานะเครื่องเขียน และในฐานะของสะสม
ทีมงานไรท์ติ้งอินไทยสอบถามสมาชิกเฟซบุ๊คกลุ่ม BNK48 Thailand Community ถึงความคิดเห็นที่มีต่อชุดเครื่องเขียน และความคิดเห็นโดยส่วนมากสอดคล้องกับสมมติฐานของทีมงานดังนี้
- แฟนคลับหลายคนเลือกไม่ซื้อชุดเครื่องเขียนด้วยเหตุผลของราคาที่สูงไป ข้อนี้เป็นความจริงอย่างยิ่ง เพราะหากพิจารณาราคาของชุดเครื่องเขียนในลักษณะเดียวกันแล้ว อาจหาซื้อได้ในราคาไม่เกิน 500 บาทด้วยซ้ำ
- และต้องไม่ลืมว่าในราคา 1,000 บาท แฟนคลับของวงสามารถสั่งซื้อแผ่น River (อัลบั้มแรกของวง) ซึ่งของแถมในอัลบั้ม (ได้แก่รูปสุ่มเมมเบอร์ และโค้ดสำหรับสุ่มเข้าร่วมงานถ่ายภาพกับเมมเบอร์) นั้นเป็นที่ต้องการกว่ามาก
- อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ชุดเครื่องเขียนนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร คือการที่ลายของปากกาสุ่มจากเมมเบอร์แค่สามคน ได้แก่เฌอปราง มิวสิค และปัญ — เสน่ห์อย่างหนึ่งของ BNK48 คือการที่แฟนคลับต้องการสินค้าลายเมมเบอร์ที่ตัวเองชื่นชอบ เมื่อมีเมมเบอร์เพียงสามคนให้เลือก กลายเป็นว่าตลาดกลุ่มใหญ่มากกลุ่มหนึ่งหายไป
- ผู้ใช้เฟซบุ๊คบางรายเลือกที่จะเสนอให้ทีมงานเป็นสื่อกลางในการกระจายเสียงเรื่องคุณภาพสินค้าที่ไม่สมกับราคา ด้วยกังวลว่าบริษัทที่ทำสินค้าตระกูล BNK48 ออกจำหน่ายจะลืมไปว่าแฟนคลับของวงไม่ได้ต้องการเพียงแค่สินค้าที่มีสมาชิกวงปรากฏ แต่เป็นสินค้ามีคุณภาพและคุ้มกับราคาที่จ่ายไป
อย่างไรก็ดี ถึงแม้เสียงตอบรับของสินค้าชิ้นแรกที่สมใจทำร่วมกับ BNK48 จะหนักไปทางเสียงวิพากษ์มากกว่าคำชื่นชม แต่ทีมงานเชื่อว่าสมใจทราบถึงเส้นทางที่ตนเองควรเดินต่อไป เพราะเมื่อไม่นานมานี้เป็นสมใจเองที่ประกาศทำชุดเครื่องเขียนสมใจ x BNK48 ในชุด “งานปาร์ตี้กำลังจะเริ่ม (Party Ga Hajimaru Yo)” ซึ่งเป็นเพลงประกอบสเกจ (การแสดงในโรงละคร) ของทีม BIII (บีทรี) โดยเปลี่ยนจากการสุ่มลายเมมเบอร์เป็นการให้อิสระในการเลือกลาย รวมถึงราคาสินค้าที่ปรับลงมาจากเดิมสูงมาก
และแน่นอนว่า ก้าวเดินครั้งนี้ของสมใจถือเป็นก้าวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ครั้งล่าสุดที่สมใจเคยออกสินค้าร่วม คือการออกปากกาจุ่มหมึกและคอร์สเรียนเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษร่วมกับเพจ Typer ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า BNK48 คือพันธมิตรใหม่ของสมใจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครื่องเขียนเหมือนพันธมิตรเก่า และสมใจน่าจะได้บทเรียนจากสินค้าตัวแรกของสมใจ x BNK48 ไปไม่มากก็น้อย
สรุป
เป็นที่น่าเสียดายที่สมใจคาดการณ์ตลาดหลายอย่างของวงการเกิร์ลกรุ๊ปไอดอลผิดไปจากความเป็นจริง และนั่นทำให้ชุดเครื่องเขียนสมใจ x BNK48 มีจุดผิดพลาดที่ทีมงานมองเห็นค่อนข้างหลายจุด ตั้งแต่โมเดลการตั้งราคาจนถึงคุณภาพสินค้าที่ได้รับ และการเดินก้าวแรกที่ผิดของสมใจอาจทำให้ความเชื่อมั่นในกลุ่มแฟนคลับต่อสินค้าลดลงไปบ้าง
แต่แม้จะมีเสียงตอบรับแง่ลบออกมา (และทีมงานเชื่อว่ายอดขายชุดเครื่องเขียนดังกล่าวอาจทำได้ไม่ถึงเป้า) ก้าวเดินครั้งนี้ของสมใจก็นับว่าน่าสนใจ และสมใจเองก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้ได้เห็นในระดับหนึ่งแล้วว่าบริษัทมองเห็นข้อผิดพลาดในหลายจุด และพร้อมที่จะรับไปแก้ไขเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ไรท์ติ้งอินไทยเชื่อว่าในอนาคต โมเดลธุรกิจของทั้งวงการเกิร์ลกรุ๊ปไอดอล และตลาดเครื่องเขียนในประเทศไทย จะเติบโตทั้งคู่ และหวังว่าไรท์ติ้งอินไทยจะมีโอกาสในการนำเสนอมิติใหม่ของเครื่องเขียนเพื่อสร้างกลุ่มของคนรักเครื่องเขียนในประเทศไทยต่อไป
You must be logged in to post a comment.