มีบางครั้งที่ผู้ใช้งานปากกาหมึกซึมอาจจะอยากลองใช้ปากกากับหมึกสีอื่น ๆ นอกเหนือจากหมึกสีมาตรฐานที่เราใช้กันประจำ เช่น น้ำเงิน หรือดำ ซึ่งเป็นที่นิยมในการใช้เขียนงานเอกสาร จดบันทึก เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่อยากลองสีที่แตกต่างออกไปจากสีมาตรฐานดังกล่าว ผู้ผลิตหมึกปากกาในท้องตลาดก็มีการผลิตสีต่าง ๆ ออกมาให้เลือกใช้ค่อนข้างจำนวนมากทีเดียว ไรท์ติ้งอินไทยเคยรีวิวไปบ้างแล้ว และสำหรับหมึกที่เราคัดเลือกมารีวิวในวันนี้คือ Montblanc Carlo Collodi Ink ขนาด 35 มล.
Montblanc Carlo Collodi Ink: หมึก Limited Edition ของหุ่นไม้พินอคคิโอ
ในปี ค.ศ.2011 Montblanc ผู้ผลิตปากกาชั้นนำจากเยอรมนี ออกหมึกรุ่นจำนวนจำกัดทั้งสิ้น 5 ปี ได้แก่
- Collodi Brown (Carlo Collodi WE) เป็นหมึก Writers Edition ใช้สำหรับอุทิศให้กับนักเขียนงานประพันธ์ลือชื่อต่าง ๆ
- Hitchcock Red (Alfred Hitchcock GC) เป็นหมึก Great Characters ใช้สำหรับอุทิศให้กับบุคคลแห่งปีนั้น ๆ
- Ink of Friendship (สีน้ำเงิน)
- Ink of Joy (สีส้ม)
- Ink of Love (สีแดง)
สำหรับ Carlo Collodi คือนามปากกาของ Carlo Lorenzini นักเขียนชาวอิตาลี (24 พฤศจิกายน 1826 – 26 ตุลาคม 1890) เจ้าของงานเขียน “พินอคคิโอ” นิยายแนวเทพสำหรับเด็กชื่อดัง
สำหรับโทนสีที่ Montblanc เลือกอุทิศให้กับเขาในครั้งนี้คือ สีน้ำตาล แกมส้ม โดยออกมาพร้อมกันกับปากกาหมึกซึมรุ่นพิเศษในชื่อเดียวกันซึ่งผลิตออกมาจำนวนจำกัดที่ 12,000 ด้าม
เพื่อให้เข้ากันกับธีมของปากกาในครั้งนี้ซึ่งอุทิศให้กับผู้เขียนพินอคคิโอ ตัวหมึกที่ออกมาคู่กันจึงเลือกสีที่เป็นตัวไม้ที่ให้กำเนิดพินอคคิโอขึ้นมา คือ สีน้ำตาลของไม้ และเสริมด้วย shade สีส้ม
แกะกล่องหมึก
แน่นอนว่าหน้ากล่องจะต้องมีสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็น Corlo Collodi ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากลายเซนต์ของเจ้าตัวนั่นเอง โดยสีกล่องนั้นจะออกแนวน้ำตาลส้ม และมีสัมผัส (texture) ขรุขระคล้ายลายกระดาษที่ผ่านการใช้งานมาแล้วเป็นพื้นหลัง
และที่ขาดไม่ได้คือรูปวาดของเจ้าหุ่นไม้พินอคคิโอนั่นเอง สำหรับภาพรวมของกล่องนั้นก็ดูเรียบง่าย เหมือนหน้าปกหนังสือนิทานสมัยก่อน
หลังจากหยิบตัวขวดหมึกออกมาจากกล่อง ก็สัมผัสได้ถึงสีน้ำตาล และเมื่อสะท้อนกับแสงที่ส่องลงมาก็แอบเห็นสีส้มแกมออกมาที่ผิวบนของน้ำหมึกตามภาพ โดยฉลากที่ขวดก็ล้อกับสีและธีมของกล่องมาเป็นแนวเดียวกัน ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าขนาด 35 มล.
และยังคงมีรูปวาดของเจ้าพินอคคิโอ กับลายเซนต์ตามลงมาที่ขวดหมึกด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ผิดคาดอะไร แต่สำหรับผู้ใช้งานหมึกของแบรนด์ Montblanc ตามปกติอาจจะไม่คุ้นเคยกับรูปแบบขวดทรงกลมนี่ซักเท่าไหร่ เนื่องจากโดยปกติจะพบเห็นเป็นทรงเหลี่ยมมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบขวดหมึกนี้ก็ยังคงความเรียบหรูตามสไตล์ของแบรนด์ได้ดีเช่นเคย
ทดสอบใช้งานจริง
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ เนื่องด้วยข้อจำกัดทางวัสดุทดสอบ เพราะผู้เขียนเป็นคนที่ชอบกระดาษสีงาช้าง หรือ Ivory เป็นหลัก ดังนั้นกระดาษที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้คือกระดาษสี Ivory ของ Life Company รุ่น Schopfer (ภาษาเยอรมัน แปลว่า ผู้สร้าง) ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น และใช้ปากกา Lamy รุ่น Safari หัวขนาด F (Fine) ในการทดสอบ
โดยสรุปแล้ว Montblanc Carlo Collodi เป็นหมึกชนิดไม่กันน้ำ และใช้เวลาแห้งค่อนข้างช้า โดยจากการทดสอบที่ 20 วินาทีก็ยังคงพบว่าหมึกยังไม่แห้งติดกระดาษดี แต่อย่างไรก็ตามหากลองทดสอบบนกระดาษประเภทอื่นอาจจะได้ผลที่ต่างกันไป ในส่วนของ Bleeding นั้นไม่พบเลย หมึกคงรูปดีเขียนแล้วไม่แตกออก
สำหรับความซึมของหมึกนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ คือสามารถใช้เขียนสองหน้าได้ไม่เป็นการสิ้นเปลืองหน้ากระดาษแต่อย่างใด ยกเว้นบริเวณที่ทีมงานได้ลองทดสอบ swap หรือป้ายหมึกซ้ำ ๆ ในบริเวณเดิม จะเกิดการซึมนูนของหมึกขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเขียนทับต่อแต่อย่างใด แต่หากผู้เขียนเป็นคนที่ไม่ชอบการซ้อนทับกันของตัวหนังสือ ก็ยังคงแนะนำให้เขียนหน้าเว้นหน้าตามปกติ
ราคาและสถานที่ซื้อ
เนื่องจากผู้เขียนซื้อหมึกรุ่นนี้มาตั้งแต่ตอนเปิดตัว และซื้อทางช่องทางออนไลน์ซึ่งขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถเค้นความทรงจำออกมาได้จริง ๆ ว่าได้มาจากที่ใด โดยราคาปกติของหมึกที่เป็นรุ่นจำกัดจำนวนของ Montblanc นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท ซึ่ง ณ ขณะนี้ใน ebay ก็หาหมึกรุ่นนี้ไม่พบแล้ว
สรุปภาพรวม Montblanc Carlo Collodi Ink
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้น สำหรับผู้ใช้งานที่เบื่อความจำเจของเนื้อสีมาตรฐาน สามารถเลือกใช้หมึกสีน้ำตาลนี้แทนการจดบันทึกได้ตามปกติ เนื่องจากยังคงเป็นโทนสีสุภาพ และไม่ได้แสบตาจากการที่มีส่วนผสมของสีส้มแต่อย่างใด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่หมึกไม่กันน้ำอาจจะเสี่ยงต่อการเลือนหายไปได้หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่อย่างไรก็ตามด้วยราคาที่ถือว่าค่อนข้างแพงในตลาดเดียวกัน ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่เหมาะกับผู้ที่รักในการสะสมมากกว่าที่จะนำไปใช้เป็นหมึกประจำตัวที่ใช้ตามปกติ เนื่องจากหาทดแทนในตลาดค่อนข้างยากแล้วในปัจจุบัน แต่หากท่านเป็นนักสะสมตัวยงของแบรนด์ Montblanc นี่คือคอลเลคชั่นที่คู่ควรเป็นอย่างยิ่ง
You must be logged in to post a comment.