หากกล่าวถึงปากกาหมึกซึมที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหัดเขียนปากกาหมึกซึม หนึ่งในชื่อที่หลายคนอาจนึกถึงเป็นอันแรกๆ คือ Platinum Preppy ปากกาหมึกซึมจากญี่ปุ่น ที่มีราคาถูก เหมาะสำหรับเด็กๆ หรือผู้ที่เริ่มต้นใช้ปากกาหมึกซึม และแม้กระทั่งผู้ที่ใช้ปากกาหมึกซึมมาอย่างยาวนานก็ยังเลือกใช้ ในสถานการณ์ที่ต้องการปากกาจดง่ายๆ ราคาไม่แพง
ไรท์ติ้งอินไทย ขอนำเสนอรีวิวปากกาหมึกซึมรุ่นนี้ ที่ง่ายๆ เข้ากันได้กับทุกคน เป็นปากกาหมึกซึมที่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดใช้ปากกาหมึกซึม แต่คนที่ใช้ปากกาหมึกซึมมายาวนานใช้แล้วก็จะมีความสุขเช่นกัน เป็นปากกาหมึกซึมแห่งรอยยิ้มและความสบายใจ
รู้จักกับ Platinum Preppy
Preppy เป็นรุ่นปากการาคาถูกของ Platinum หนึ่งในสามผู้ผลิตปากกาและเครื่องเขียนชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น บริษัทก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1919 และเริ่มต้นทำปากกาเรื่อยมา ส่วน Preppy ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2006 เป็นรุ่นที่เกิดมาจากดำริของ Toshihiro Nakata ประธานบริษัทคนที่ 2 นับรวมแล้วปากกานี้วางจำหน่ายมาได้เพียง 12 ปีเศษ
จากบันทึกของบริษัทระบุว่า การเกิดขึ้นของปากการุ่นนี้ เป็นเพราะ Nakata ทราบว่านักเรียนระดับประถมศึกษาในประเทศฝรั่งเศส ต้องใช้ปากกาหมึกซึมในการเรียน โจทย์คือทำอย่างไรให้ปากกาหมึกซึม กลายเป็นเครื่องเขียนที่มีราคาถูกและไม่มีความซับซ้อนใดๆ รวมถึงหมึกต้องไม่ระเหยง่ายด้วย
ปากการุ่นนี้จึงเป็นปากการุ่นแรกของบริษัท ที่ออกมาพร้อมกับกลไกซึ่งเรียกว่า Slip and Seal ซึ่งเป็นกลไกที่ปิดผนึกหัวปากกากับฝาปลอกปากกาให้สนิทเวลาเก็บ เกิดสภาวะไม่มีช่องให้อาการถ่ายเท (air tighted) ทำให้หมึกระเหยได้ช้ามาก บริษัทระบุว่ากลไกนี้จะทำให้ปากกาสามารถเขียนได้อยู่ ทั้งที่ไม่ได้ใช้มานานถึง 1 ปีเต็ม (ต่อมากลไกนี้ถูกนำไปใช้กับปากการะดับสูงของบริษัทด้วย โดยเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ เพิ่ม ทำให้อยู่ได้นานถึง 2 ปี)
แม้ระบบปากกาที่ออกมาตอนแรกจะเป็นปากกาหมึกซึม แต่ตอนหลังบริษัทก็ออกเป็นทั้งหัวไฟเบอร์ (felt tip/marker) และปากกาเน้นข้อความ (highlighter) ด้วยในภายหลัง โดยใช้วิธีการและโครงสร้างทุกอย่างเหมือนกันหมด ยกเว้นหมึกที่แตกต่างกันออกไป (ใช้ข้ามกันไม่ได้ เพราะหมึกคนละชนิด อาจทำให้หัวอุดตันได้) ซึ่งในรีวิวนี้จะเน้นไปที่เฉพาะปากกาหมึกซึมอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่เปลี่ยนวัสดุและปรับเปลี่ยนให้ทนทานมากขึ้น อย่างเช่น Plaisir ที่เปลี่ยนตัวด้ามจากพลาสติกเป็นโลหะ แต่ยังคงมีราคาที่ถูกเหมือนเดิม
สำหรับผู้ที่ใช้ปากกาหมึกซึมมาระยะหนึ่งที่ชื่นชอบปากการุ่นนี้ เพราะความยืดหยุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแปลงปากกาจากระบบที่ใช้หมึกหลอด กลายเป็นตัวด้ามเป็นที่เก็บหมึก (ink reservoir) ไปทันที ทำให้จุหมึกได้มากขึ้นกว่าเดิม และใช้วิธีการเติมหมึกด้วยการหยดหมึกเข้าไปที่ตัวปากกา (eye dropper) แทน
ปัจจุบัน ปากการุ่นนี้จำหน่ายได้เกิน 10 ล้านด้ามทั่วโลก โดยมีการออกรุ่นพิเศษ Crystal ที่ใสไม่มีสีออกมาในปี ค.ศ. 2016 ในวาระครบรอบ 10 ปีของปากการุ่นนี้
ปากกาหมึกซึม Platinum Preppy
สำหรับปากกาหมึกซึมรุ่นนี้ ที่หาได้ตามท้องตลาดบ้านเรา มีทั้งหมด 7 สี (ยังไม่เห็นรุ่นสีใสหรือ Crystal) โดยวางจำหน่ายตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป ราคามีตั้งแต่ 89 บาท ไปจนถึง 125 บาท แล้วแต่ร้านค้า สำหรับรีวิวนี้ ทีมงานซื้อจากร้านสมใจ ในราคา 99 บาทครับ เป็นสีไวโอเล็ต (violet) กล่าวง่ายๆ คือสีม่วงนั่นเอง
แต่สีทั้งหมดไม่ได้มีสำหรับปากกาทุกขนาดเส้น จะมีเฉพาะขนาดเส้นที่บริษัทกำหนดไว้เท่านั้น โดยการวัดขนาดเส้นนี้ไม่เหมือนกับวิธีเรียกของปากกาหมึกซึมโดยทั่วไป ที่ใช้ระบบตัวอักษร (เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า nib grade) ในการแทนค่าเส้น แต่ของปากการุ่นนี้จะใช้ตัวเลขเหมือนกับปากกาหมึกซึม ประกอบไปด้วยดังนี้
- ขนาดเส้น 0.2 มม.(เทียบเท่า Extra Fine) มีเฉพาะสีดำ, น้ำเงิน-ดำ, และแดง
- ขนาดเส้น 0.3 มม.(เทียบเท่า Fine) มีสีดำ, น้ำเงิน-ดำ, แดง, ชมพู, ไวโอเล็ต, เหลือง, และเขียว
- ขนาดเส้น 0.5 มม.(เทียบเท่า Medium) มีเฉพาะสีดำ, น้ำเงิน-ดำ, และแดง
ทั้งนี้ ขนาดเส้นของปากกาหมึกซึมจากผู้ผลิตญี่ปุ่น มักจะเล็กกว่าของผู้ผลิตฝั่งตะวันตก หากวัดโดยวิธีใช้ระบบตัวอักษร การวัดด้วยหลักสากลแบบเดียวกับหัวปากกาลูกลื่น จึงทำให้ผู้ซื้อเข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
อนึ่ง สีของปากกาที่เลือกตอนซื้อ จะกำหนดสีของหมึกที่มาพร้อมกับปากกาด้วย ดังนั้นควรตัดสินใจด้วยความระมัดระวังครับ เช่น หากท่านอยากได้ปากกาสีเขียวแต่หมึกเป็นสีดำ หากท่านไม่ซื้อหมึกหลอดสีดำเพื่อเอามาใช้งาน ก็อาจต้องใช้วิธีหาแลกกับเพื่อนที่อยากใช้หมึกสีเขียวแทน
ข้อมูลทางเทคนิคของ Platinum Preppy
- ความยาวของปากกา: 13.8 ซม.
- เส้นผ่าศูนย์กลาง: 1.3 ซม.
- วัสดุหัวปากกา: เหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel)
- วัสดุตัวปากกา: พลาสติกโพลีคาร์บอเนต (Poly-carbonate)
- ขนาดหัวปากกา: 0.2 (EF), 0.3 (F), 0.5 (M)
- ระบบหมึกที่รองรับ: ทั้งหมึกหลอดและที่สูบของ Platinum (propriety)
- น้ำหนักปากกา: 13 กรัม
บรรจุภัณฑ์และปากกา
บรรจุภัณฑ์สำหรับ Platinum Preppy เป็นไปอย่างเรียบง่าย มีแค่การใส่ซองพลาสติกธรรมดา เหมือนกับปากกาหมึกซึมแบบใช้แล้วทิ้ง (disposable fountain pen)
แกะซองออกมาก็เจอปากกาเลยทันที ตัวปากกาเป็นด้ามพลาสติกแบบโพลีคาร์บอเนตใส มองเห็นกลไกทุกส่วนของปากกาทั้งหมด (ศัพท์เฉพาะเรียกว่า demonstrator หรือตัวสำหรับสาธิต – แต่เดิมมีจุดประสงค์เช่นนั้นจริง แต่ในภายหลังก็ถูกนำออกมาขายเป็นรุ่นพิเศษ (เช่น Classic 205 Demonstrator ของ Pelikan หรือรุ่นปกติ เช่น LAMY vista ทำให้กลายเป็นปากกาแบบหนึ่งไป) สำหรับสีที่นำมารีวิวนี้เป็นสีม่วง ทำให้ฝาและรวมถึงตัวรางจ่ายหมึก (feed) เป็นสีม่วงตามไปด้วย
ตัวบริเวณฝาปากกาด้านบนมีการพิมพ์ขนาดของเส้นปากกาอยู่ (03) เหมือนกับปากกาลูกลื่น ทำให้อ่านได้ง่ายและหยิบใช้สะดวกเมื่อต้องการปากกาขนาดเส้นที่ต้องการ ส่วนฝาด้านในก็มีไว้เป็นกลไก Slip & Seal เพื่อป้องกันหมึกไม่ให้ระเหย
ตัวด้ามปากกามีการพิมพ์ทั้งข้อความ วิธีการใช้งาน และอื่นๆ ซึ่งวิธีการเดียวที่จะนำเอาข้อมูลเหล่านี้ออก จำเป็นที่จะต้องใช้น้ำยาล้างเล็บ (acetone) ในการลบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม acetone เป็นตัวทำละลายพลาสติกที่รุนแรง ไรท์ติ้งอินไทยไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้กับปากกาหมึกซึม รวมถึงเครื่องเขียนทุกประเภท เพราะจะทำให้วัสดุเสียหายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปากกามูลค่าสูง การใช้น้ำยาล้างเล็บเป็นการทำลายเครื่องเขียนอย่างถาวร ดังนั้นถ้าท่านผู้อ่านรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องใช้สำหรับปากการุ่นนี้ โปรดใช้อย่างระมัดระวัง
ตัวหัวปากกาทำมาจากเหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel) มีการทำช่องระบายอากาศ (breather hole) แบบหลอกไว้ (ไม่ได้เจาะใช้จริง) พร้อมสลักตราของบริษัท และเลขความกว้างของเส้นไว้ (ในที่นี้คือ 03 ซึ่งก็คือ 0.3 มม.) ส่วนรางจ่ายหมึกเป็นพลาสติกสีดำ
สำหรับหมึกที่อยู่ภายในนั้น จะไม่ได้เสียบมากับตัวปากกาด้วย ผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องนำมาใส่ปากกาเอง ซึ่งวิธีการก็ง่ายๆ คือดันตลับหมึกเข้าไปที่ช่องรับหมึกของรางจ่ายหมึกที่ยื่นเข้าไปในตัวด้าม จากนั้นกดด้วยแรงประมาณหนึ่งเพื่อให้ส่วนปลายของรางจ่าย เจาะทะลุลูกเหล็กที่ใส่กั้นไว้ จากนั้นหมึกจะจ่ายออกมาเอง (ใส่แบบในภาพ)
หลังจากนั้นรอสักครู่ใหญ่ ให้น้ำหมึกไหลไปทั่วรางจ่ายหมึก ปากกาก็จะพร้อมเขียนครับ
อนึ่ง หมึกสำหรับปากการุ่นนี้ ใช้ได้เฉพาะหลอดหมึกที่ออกแบบมาสำหรับปากกาแบรนด์นี้เท่านั้น ไม่สามารถนำเอาแบรนด์อื่นๆ มาใช้ได้ ส่วนถ้าต้องการเปลี่ยนเป็นหมึกสีอื่น สามารถหาซื้อหลอดสูบหมึก (piston converter) ของแบรนด์มาใช้ได้เช่นกัน ราคาสั่งจากต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 200 บาท ส่วนถ้าซื้อจากร้านในประเทศ ราคาอาจสูงขึ้นไปถึง 400 บาทได้ ในความเห็นของทีมงานคงบอกได้ว่า ไม่ค่อยคุ้มเท่าใดนักที่จะลงทุนซื้อหลอดสูบหมึกราคาแพงกว่าตัวปากกามาใช้งานคู่ ยกเว้นว่าจะมีปากกาของ Platinum ตัวอื่นอยู่ก่อนแล้ว
ทดสอบเขียนจริง
เขียนดีกว่าปากกาหมึกซึมราคาแพงหลายด้าม
ในการทดสอบครั้งนี้จะต่างไปจากการทดสอบปกติเล็กน้อย เพราะเราทดสอบด้วยการใช้หมึกของปากกาเองโดยตรง ไม่ได้ใช้หมึกอื่นแบบที่ผ่านมา ทำให้ครั้งนี้จึงเป็นการรีวิวน้ำหมึกไปในคราวเดียวกันด้วย
สำหรับปากกาด้ามนี้ถือว่าเขียนได้ดีมากเกินราคาค่าตัว ทีมงานหลงรักทันทีที่เริ่มเขียน เพราะดีกว่าปากการาคาแพงหลายด้ามมาก ตัวหัวปากกาแทบจะไม่มีความยืดหยุ่น (flexibility) เลยแม้แต่น้อย (ใครชอบปากกาหัวไม่ค่อยแข็งอาจผิดหวัง) การจ่ายน้ำหมึกของปากกาทำได้อย่างสม่ำเสมอ ยกเว้นถ้าเขียนมากจนเร็วเกินไป หรือวางองศาผิด หมึกจะขาดช่วงได้ครับ ส่วนคุณภาพเส้นก็ทำได้น่าประทับใจ
สำหรับหมึกปากกาที่แถมมาให้ ต้องนับว่าเขียนได้ดี แห้งไวมากกว่าที่คาด ส่วนสีจะเป็นไวโอเลตสว่างพอสมควร ไม่ถึงขั้นเข้มมาก (ในภาพด้านบนพยายามปรับให้ใกล้เคียงที่สุดแล้วแต่ยังสีเข้มกว่าที่เขียนจริง) ใช้เขียนได้เป็นอย่างดี
ระหว่างการเขียน ไม่มีการฝืดหรือรู้สึกไม่ราบรื่น (sketchy) เลยแม้แต่น้อย เสียงและความรู้สึกของปากกาที่ลากไปบนกระดาษให้ความรู้สึกเหมือนกับการเขียนดินสอมากกว่าที่จะเป็นปากกาหมึกซึม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่แปลกสำหรับปากกาญี่ปุ่นที่ขนาดหัวปากกาอยู่ที่ระดับ F เช่นด้ามนี้
สรุป
ทีมงานไรท์ติ้งอินไทย ประทับใจกับปากกาหมึกซึม Platinum Preppy ด้ามนี้มาก เรียกว่าคุ้มเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไป และกลายเป็นปากกาที่ทีมงานใช้ประจำวันได้ไม่ยากนัก
ในเชิงประสิทธิภาพ ปากการุ่นนี้เป็นปากกาที่เขียนได้ดี และเป็นข้อพิสูจน์ว่าปากการาคาถูกก็สามารถเขียนดีได้ หากผู้ผลิตเลือกที่จะให้ความใส่ใจในการผลิต เราจึงไม่แปลกใจว่าทำไมปากการุ่นนี้ ถึงขายดีถึง 10 ล้านด้ามไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ปากกามีข้อจำกัดด้านการใส่หมึกหลอด การที่จะเปลี่ยนไปใช้หมึกอื่นนอกเหนือจากหมึกของ Platinum เอง จึงเป็นเรื่องที่ยาก ส่วนถ้าจะซื้อหลอดสูบหมึกมาใช้ ก็ดูจะเกินราคาจากปกติไปมากในจุดที่ไม่คุ้มทุนกับการซื้อมาเป็นเจ้าของเลย ยกเว้นท่านผู้อ่านจะใช้ปากกาหมึกซึมของค่ายนี้อยู่แล้ว นอกจากนั้นตัวด้ามที่ติดฉลาก และระบุรายละเอียดต่างๆ รวมถึงรหัสแท่ง ก็เป็นการออกแบบที่ดูรกพอสมควร
ทั้งหมดทั้งมวล หากพิจารณาว่าปากกาด้ามนี้มีราคาเพียง 99 บาท (ราคาที่ทีมงานซื้อมา) ถือได้ว่าเป็นปากกาอีกรุ่นหนึ่งที่คุ้มค่า คุ้มทุกสตางค์ และคุ้มทุกการใช้งานอย่างแท้จริง แต่ถ้าท่านอยากจะซื้อแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ คำแนะนำของทีมงานคือ
- สำหรับผู้เริ่มต้นใช้ปากกาหมึกซึม ไรท์ติ้นอินไทยเชื่อว่าปากกาด้ามนี้จะเป็นการเปิดประตูสู่โลกปากกาหมึกซึมที่ดี เพราะคุณสมบัติการเขียนที่ดี รวมถึงการดูแลรักษาที่อาจจะน้อยกว่าปากกาหมึกซึมอื่นๆ ปากการุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มใช้ แถมมีราคาไม่แพง ไม่ต้องลงทุนไปกับปากกาแพงๆ จำนวนมาก
- ส่วนผู้ที่ใช้ปากกาหมึกซึมแล้ว ปากการุ่นนี้จะเป็นอีกหนึ่งในปากกาในกลุ่ม ‘หยิบง่าย-ใช้คล่อง’ ประจำโต๊ะ ไม่ต่างอะไรกับปากกาลูกลื่นทั่วไป รวมถึงการเขียนที่ไม่มีติดขัดแต่อย่างใด ดังนั้นนี่เป็นปากกาอีกด้ามที่ควรมี ใช้ในสถานการณ์ทั่วไปที่ไม่เป็นทางการครับ
ข้อดี | ข้อเสีย |
ราคาถูก | ตัวด้ามมีการพิมพ์ข้อความจนรก มองไม่ชัด |
เขียนดี ให้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม | ต้องใช้กับระบบหมึกของบริษัท หลอดสูบมีราคาแพง |
น้ำหนักเบา |
You must be logged in to post a comment.