เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว Cross ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปากกาเก่าแก่จากสหรัฐอเมริกา ประกาศเปิดตัวปากการุ่นใหม่ที่ทำร่วมกับ Scuderia Ferrari บริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดังจากอิตาลี และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ Cross Townsend Collection for Scuderia Ferrari ที่มาเป็นคอลเลคชั่นพิเศษอย่างมาก
เนื่องในโอกาสที่ DHA Siamwalla ตัวแทนจำหน่ายของปากกา Cross ในประเทศไทย นำปากกานี้มาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ไรท์ติ้งอินไทย จึงไม่พลาดที่จะรีวิวคอลเลคชั่นดังกล่าวนี้ทั้งหมด ซึ่งทีมงานมีความประทับใจเป็นอย่างมากสำหรับปากการุ่นนี้ มีทั้งความโฉบเฉี่ยวและสไตล์ที่ไม่เหมือนใครทั้งสิ้น และเป็นปากกาอีกรุ่นที่น่ามีไว้จับจองเป็นเจ้าของสำหรับทุกท่านครับ
เนื้อหา
[ ประวัติ | รายละเอียดทางเทคนิค | บรรจุภัณฑ์และตัวปากกา | ทดลองเขียน | ราคาและแหล่งที่ซื้อ | สรุป | เครดิต ]
ประวัติ
ดังที่ได้ทราบกันไปแล้วในรีวิว Cross Peerless 125 บริษัท A.T. Cross Company เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผลิตปากกามาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1846 และถือเป็นแบรนด์ปากกาที่ผลิตในสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด จนได้รับการยอมรับให้เป็นปากกาประจำทำเนียบขาว (ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ) ตั้งแต่สมัยของ Bill Clinton เป็นต้นมา
บริษัทมีปากกาอยู่ในคอลเลคชันเยอะพอสมควรระดับหนึ่ง แต่สำหรับ Townsend ถือเป็นปากกาจับตลาดบนของบริษัท และเคยเป็นปากกาเรือธงของบริษัท (flagship) ออกมาในปี ค.ศ. 1993 จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 2014 ถูกแทนที่โดย Peerless 125 แทน ตั้งแต่บัดนั้น Townsend ก็ถือเป็นปากการะดับพรีเมียมของบริษัท ด้วยเอกลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่นและน้ำหนักในการเขียนที่มีสมดุล
ชื่อผลิตภัณฑ์รุ่นนี้ มาจากชื่อกลางของ Alonzo Townsend Cross บุตรชายของผู้ก่อตั้งบริษัท จุดเด่นของปากการุ่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปากกาหมึกซึม คือการที่บริษัทผลิตหัวปากกาหมึกซึมด้วยตัวเองทั้งหมด ผลิตจากทองคำ 18 กะรัต (Peerless 125 ให้ Sailor เป็นคนผลิต) และรับประกันกลไกการใช้งานตลอดชีพอีกด้วย
ปากการุ่นนี้ผลิตมาในหลากสีหลายรูปแบบ แต่สำหรับ Cross Townsend Collection for Scuderia Ferrari คือการจับปากการุ่นนี้มาแต่งตัวใหม่ ใส่ความเป็น Ferrari เข้าไป จึงทำให้ปากการุ่นนี้มีเอกลักษณ์อย่างมาก และตอบโจทย์ทั้งคนที่ชื่นชอบปากกาและของสะสมจากรถแข่งของค่าย Ferrari ด้วย
Scuderia Ferrari เป็นแผนกและทีมรถแข่งของค่าย Ferrari ผู้ผลิตรถยนต์หรูจากประเทศอิตาลี ที่ผลิตรถยนต์เข้าแข่งขันในการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง (Formula One) และ Grand Prix เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1939 ก่อนที่จะหยุดไปเพราะสงครามโลกครั้งที่ 2 และเข้าร่วมในการแข่งขันรถสูตรหนึ่งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 จนปัจจุบัน
แต่เดิม Ferrari มีความร่วมมือกับบริษัทปากกา Sheaffer ในการผลิตปากการ่วมกันตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 จนกระทั่งเมื่อ Sheaffer ถูก Cross ซื้อกิจการไป สิทธิในความร่วมมือดังกล่าวนี้จึงตกมาอยู่กับบริษัทด้วย กลายเป็นที่มาของการเปิดตัวร่วมกันระหว่าง Cross และ Ferrari ในปีที่แล้วนั่นเอง
และความร่วมมือนี้ก็ใช่ว่าจะมาแค่รุ่นเดียว ทั้งสองบริษัทร่วมมือกันทั้งหมด 3 รุ่น ซึ่งเรียกว่า คอลเลคชัน อันประกอบไปด้วย Townsend, Century II และ Classic Century โดยถือว่า Townsend เป็นรุ่นที่สูงที่สุด และมีราคาแพงที่สุดด้วยเช่นกัน
สำหรับรีวิวปากกาชุดนี้ เราจะเริ่มกันที่รุ่นแพงที่สุดก่อน ซึ่งก็คือรีวิวนี้ แล้วค่อยๆ ไปหารุ่นที่ถูกที่สุดในภายหลังครับ
ปากการุ่นนี้มีทั้งหมด 3 สี คือ Red Lacquer (สีแดงลงแลคเกอร์), Black Lacquer (สีดำลงแลคเกอร์) และสีที่สวยที่สุดคือ Black Chemically Etched Honeycomb Pattern หรือสีดำลายหกเหลี่ยม ที่ใช้กระบวนการพ่นสีแบบ PVD และขึ้นรูปด้วยการแกะสลักเป็นลายหกเหลี่ยมทั่วด้าม ถือว่าสวยและแปลกตาที่สุดในทุกรุ่นที่ทีมงานได้สัมผัสมา
[ กลับสู่ด้านบน ]
รายละเอียดทางเทคนิค
Cross Townsend Collection for Scuderia Ferrari
แม้ปากการุ่นนี้ในประเทศไทย จะวางจำหน่ายเฉพาะปากกาลูกลื่น แต่เนื่องจากทางบริษัทส่งปากกามาให้ทั้งหมดทุกรุ่น ทีมงานจึงรีวิวพร้อมกันหมดทั้ง 3 รูปแบบการเขียนครับ
ปากกาหมึกซึม
- วัสดุหลักตัวด้าม: โลหะไม่ระบุชนิด พร้อมเคลือบวัสดุแบบ PVD หรือลงแลคเกอร์
- ความยาว: 15 เซนติเมตร
- เส้นผ่าศูนย์กลาง: 1.28 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 34.5 กรัม (ไม่รวมหมึก)
- กลไกการเปิดฝา: ดึงฝาออก (cap-top)
- ขนาดกว้างของเส้น: Fine และ Medium
โรลเลอร์บอล
- วัสดุหลักตัวด้าม: โลหะไม่ระบุชนิด พร้อมเคลือบวัสดุแบบ PVD หรือลงแลคเกอร์
- ความยาว: 15 เซนติเมตร
- เส้นผ่าศูนย์กลาง: 1.28 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 41.6 กรัม
- กลไกการเปิดฝา: ดึงฝาออก (cap-top)
ปากกาลูกลื่น
- วัสดุหลักตัวด้าม: โลหะไม่ระบุชนิด พร้อมเคลือบวัสดุแบบ PVD หรือลงแลคเกอร์
- ความยาว: 14.56 เซนติเมตร
- เส้นผ่าศูนย์กลาง: 1.29 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 36.85 กรัม
- กลไกการเปิดฝา: หมุนใช้งาน (twist)
จะสังเกตได้ว่าปากกาทั้ง 3 รูปแบบ จะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกันหมด ไม่มีลักษณะกระโดดออกไปมากนัก ยกเว้นปากกาลูกลื่นเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามดีไซน์ปกติของปากกาครับ
[ กลับสู่ด้านบน ]
บรรจุภัณฑ์และตัวปากกา
หมายเหตุ: ตัวบรรจุภัณฑ์ของปากกาที่ทีมงานใช้ในครั้งนี้ เป็นตัวบรรจุภัณฑ์ตัวอย่าง ในรุ่นที่จำหน่ายจริงอาจมีรายละเอียดปลีกยอยอื่นที่แตกต่างออกไป โปรดสอบถามกับทางตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับกล่องของ Cross Townsend Collection for Scuderia Ferrari มีลักษณะที่เหมือนกับกล่องของ Peerless 125 แทบจะทุกประการ ความแตกต่างอยู่ที่เรื่องของสีและโลโก้ที่ใช้เท่านั้น
ตัวกล่องด้านนอกมาพร้อมกับโลโก้ของ Ferrari ทั้งด้านบนและด้านล่าง
กล่องด้านในใช้สีแดง-ดำ และมีการพิมพ์โลโก้ของ Ferrari อยู่ด้านบนกล่องด้วย
เมื่อเปิดกล่องออกมา จะพบกับปากกาและคู่มือ พร้อมกับฟองน้ำกันกระแทกอยู่ด้านใน
เอกสารที่มี นอกจากคู่มือแล้วก็มีใบรับรองว่าเป็นของแท้ด้วย
ตัวปากกาจะนอนนิ่งอยู่ด้านใน วางเอาไว้อย่างสวยงามและอลังการ
สำหรับปากกาในรุ่นนี้มีทั้งหมด 3 สีและรูปแบบด้วยกัน โดยจะเริ่มไล่ไปทีละลายและสีครับ
Black Chemically Etched Honeycomb Pattern
ลายแรก และถือเป็นลายที่แพงที่สุด รวมถึงเป็นลายเรือธงคือ ลาย Black Chemically Etched Honeycomb Pattern หรือถ้าแปลเป็นไปคือลายสีดำขึ้นรูปหกเหลี่ยมรังผึ้ง นับว่าเป็นลายเอกลักษณ์ที่สุดของรุ่นนี้ครับ ผลิตออกมาเป็นสีดำโดยใช้เทคนิค PVD วัสดุเป็นโลหะไม่ระบุชนิด ทำการแกะสลักลายเป็นหกเหลี่ยมรวงผึงขนาดเล็กทั่วด้าม
ตัวปากกาเป็นทรงเดียวกับ Townsend ตัวอื่น แต่จุดที่โดดเด่นคือเรื่องของการออกแบบที่เป็นหกเหลี่ยมทั่วด้าม ทีมงานใช้แล้วพบว่าในจุดนี้เป็นตัวช่วยการเพิ่มการยึดจับของปากกาให้ดีขึ้นในขณะที่ใช้งาน ไม่ได้รู้สึกบาดนิ้วแต่ประการใด
สำหรับปลอก ตัวคลิปและวงแหวนด้านบนของตัวปากกา ใช้การออกแบบสีดำและแดงตัดกัน ส่วนตัวด้ามปากกา มีการแกะสลักคำว่า “Scuderia Ferrari” เอาไว้รอบ
ด้านล่างตรงคลิปเป็นสีแดงด้วย นับว่าเป็นการออกแบบที่ซ่อนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ได้ดีมาก ส่วนวงแหวนท้ายด้ามที่เอาไว้สำหรับเป็นตัวยึดปลอกเวลาเสียบด้านหลัง ก็เป็นสีแดงเช่นกัน
ส่วนหัวของปลอกปากกา มีการเก็บรายละเอียดสีดำและแดงเอาไว้
อันหนึ่งที่น่าสนใจ คือการแยกปากกาหมึกซึมและโรลเลอร์บอล การแยกทำได้ด้วยการดูที่หัวของปลอกปากกา ถ้าไม่มีจุดสีแดง ก็จะเป็นโรลเลอร์บอล แต่ถ้าเป็นจุดสีแดง ก็จะเป็นปากกาหมึกซึม
สำหรับปากกาที่ออกมามีครบทั้ง 3 รูปแบบ คือ ปากกาหมึกซึม โรลเลอร์บอล และปากกาลูกลื่น โดยการออกแบบจะเหมือนกัน ต่างกันที่รายละเอียดเล็กน้อย รวมถึงราคาที่ปากกาลูกลื่นจะมีราคาถูกที่สุด
สำหรับปากกาหมึกซึมจะใช้หัวของทางบริษัทที่ผลิตเอง ที่ได้มารีวิวเป็นหัวทองคำ 18 กะรัต ขนาดเส้น Medium ซึ่งตอนเขียนถือว่าลื่นมาก และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ
ส่วนปากกาลูกลื่น เพียงแค่ดึงฝาครอบออกมา ก็สามารถเปลี่ยนไส้ได้ทันที ด้วยการหมุนเกลียวตัวไส้ไขออกมาเท่านั้น
Black Lacquer
สำหรับสีที่สองคือสีดำเงาลงแลคเกอร์ ซึ่งเป็นสีที่เรียบกว่าแบบแรก ลักษณะรูปทรงปากกาและรายละเอียดสำคัญต่างๆ มีเหมือนกับตัวแรก จุดที่ต่างกันชัดเจนคือสีและลวดลายที่เป็นการลงแลคเกอร์สีดำเงางาม
รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เช่น คำว่า “Scuderia Ferrari” ไม่ใช่รูปแบบของการแกะสลักอีกต่อไป, คลิปหนีบมีการใช้สีแดง-โลหะเงิน เข้ามาแทนสีแดง-ดำ, ชิ้นส่วนโลหะตกแต่งต่างๆ เป็นสีโลหะเงินเงา นับว่าแปลกไปอีกแบบ
อีกจุดที่เห็นได้ว่าต่างกันแบบชัดๆ คือเรื่องของรอยแกะสลักโลโก้ Cross เหนือคลิป ซึ่งในแบบแรกจะไม่มีครับ (ในภาพอาจจะไม่ชัดเจนนัก เพราะปรากฎลางๆ)
Red Lacquer
แบบสุดท้ายคือ Red Lacquer หรือสีแดงแลคเกอร์ จุดที่ต่างกับสีดำชัดเจนคือตัวปากกาด้ามเป็นสีแดง แต่มากกว่านั้นคือสีแดงที่ตกแต่งในส่วนอื่นๆ ของ Black Lacquer กลายมาเป็นสีดำแทน
แม้ปากกาทั้งสามจะต่างกันที่สีและสัมผัส แต่เอาเข้าจริงในเชิงการเขียนนั้นไม่หนีกันเท่าใดนัก ดังที่จะได้เห็นจากผลการทดสอบด้านล่างนี้
[ กลับสู่ด้านบน ]
ทดลองเขียน
แม้ในประเทศไทยจะวางจำหน่ายเพียงแค่ปากกาลูกลื่น แต่ทีมงานก็ทดสอบเขียนปากการุ่นนี้ทั้งหมด 3 รูปแบบการเขียน บนกระดาษ Double A ขนาด A4 ความหนา 80 gsm ซึ่งให้ผลการทดสอบออกมาดังภาพด้านล่างนี้
ความรู้สึกของทีมงานแบ่งออกเป็นตามรูปแบบการเขียน ดังนี้
ปากกาหมึกซึม
ครั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ทีมงานเลือกจับคู่กับหมึก Cross Black ที่ทนทานความชื้น (แต่ไม่กันน้ำ 100%) ซึ่งตัวหมึกทำผลงานออกมาได้ดี
แม้ทีมงานจะคุ้นเคยกับสัมผัสของ Peerless 125 มาก่อน แต่พอได้มาใช้หัวปากกาที่บริษัท Cross ผลิตด้วยตนเอง ก็ทำให้เห็นว่ามีความแตกต่างกันพอสมควร
ประการแรกคือขนาดเส้น แม้จะระบุเป็น Medium แต่พอใช้เขียนจริง ขนาดเส้นแทบจะทะลุไปถึง Broad เลยทีเดียว (อาการเดียวกับ Pelikan) ประการที่สองคือความฝืด Peerless 125 ที่ได้มารีวิวแทบไม่มีอาการฝืดเลย ขณะที่กับรุ่นนี้มีอาการฝืด (ไม่ใช่กินกระดาษ) ปรากฎให้เห็นบ้าง นับว่าแปลกอยู่บ้าง
แต่ถึงแม้จะความแตกต่างอย่างไรก็ตาม ในเชิงความนุ่มลื่นและพริ้วตามมือ นับว่า Townsend ทำผลงานได้น่าประทับใจ แทบไม่ต้องปรับจูนอะไรทั้งสิ้น ถ้าลดอาการฝืดลงไปบ้าง ทีมงานคงชื่นชอบปากกานี้ยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
เวลาเสียบปลอกปากกากับตัวด้ามตอนท้ายแล้วเขียน ทีมงานพบว่าตัวปลอกเสียบกันได้สนิทและแน่น ทำผลงานได้น่าประทับใจเช่นกัน น้ำหนักไม่หนักไปทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษด้วย และถ้าเขียนไปนานๆ ก็ไม่มีเมื่อยมือแม้แต่น้อย
โรลเลอร์บอล
สำหรับโรลเบอร์บอล ผลงานก็ต้องบอกว่าทำได้น่าประทับใจเช่นกัน เขียนได้ลื่น สีหมึกเข้ม เขียนได้ลื่น แถมขนาดด้ามก็เท่ากับปากกาหมึกซึมด้วย นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ ถ้าหากท่านไม่ชอบปากกาหมึกซึม
ปากกาลูกลื่น
สำหรับปากกาลูกลื่น ผลไม่ต่างจากรีวิวของ Cross Peerless 125 นั่นก็คือให้หมึกที่ชัดเจนและดูดี เขียนออกมาได้ลื่น แต่จุดที่ต่างชัดเจนคือขนาดตัวด้ามที่เล็กกว่า Peerless 125 ทำให้จับได้ง่ายกว่ามากอย่างมีนัยยะสำคัญครับ
[ กลับสู่ด้านบน ]
ราคาและแหล่งที่ซื้อ
ในต่างประเทศ ปากการุ่นนี้วางจำหน่าย 3 รูปแบบการเขียนการเขียน คือปากกาหมึกซึม โรลเลอร์บอล และปากกาลูกลื่น แต่ในประเทศไทย ปากการุ่นนี้วางจำหน่ายเฉพาะปากกาลูกลื่นเท่านั้น ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายเล็กน้อย เพราะเอาเข้าจริงจากการทดสอบ ปากกาหมึกซึม และ โรลเลอร์บอล ทำผลงานได้น่าประทับใจเป็นอย่างมากด้วย
สำหรับราคาของปากการุ่นนี้ (เฉพาะปากกาลูกลื่น) ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย มีดังนี้
- Red Lacquer และ Black Lacquer ราคาด้ามละ 8,500 บาท
- Black Chemically Etched Honeycomb Pattern ราคาด้ามละ 9,000 บาท
ปากการุ่นนี้วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปที่มีสินค้าของ Cross วางจำหน่ายอยู่ และจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
[ กลับสู่ด้านบน ]
สรุป
แม้นี่จะไม่ใช่ประสบการณ์ครั้งแรกที่ทีมงานได้ลองรีวิวปากกาจาก Cross แต่ถือเป็นครั้งแรกที่ทีมงานได้ลองใช้ปากการุ่น Townsend ซึ่งให้ผลงานการเขียนที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของปากกาหมึกซึม โรลเลอร์บอล หรือปากกาลูกลื่น สมกับเป็นอดีตปากกาเรือธงของแบรนด์
สำหรับปากกาหมึกซึม ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจแม้จะมีแรงฝืดไปบ้าง, โรลเลอร์บอลก็เขียนได้ดีเช่นกัน ส่วนปากกาลูกลื่นก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ
ปากกาทั้งหมดนี้ เมื่อผนวกเข้ากับการทำแบรนด์ร่วมกับทาง Scuderia Ferrari ที่ออกมาเป็น Cross Townsend Collection for Scuderia Ferrari ก็ทำให้ทีมงานคิดว่าปากการุ่นนี้มีความคุ้มค่าอย่างมาก ควรค่าทั้งการสะสมและการเอามาใช้งานอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดที่ตัวแทนจำหน่ายนำเข้ามาเฉพาะปากกาลูกลื่น ทำให้ทีมงานรู้สึกว่าเสียโอกาสในการทำตลาดสำหรับปากกาตัวอื่นๆ ที่ก็มีผลงานดีไม่แพ้กัน ส่วนเรื่องราคานั้นถือว่าอยู่ในกลุ่มของปากกาหรูหราราคาแพง ตอบโจทย์ตามความต้องการของกลุ่มตลาดที่บริษัทได้ตั้งใจไว้
[ กลับสู่ด้านบน ]
เครดิต
ข้อมูล: A.T. Cross Company, DHA Siamwalla
ปากกา: DHA Siamwalla
เรียบเรียงและภาพถ่าย: ภัทรนันท์ ลิ้มอุดมพร
สถานที่: KTB Precious Plus Lounge สาขาสยามพารากอน, True Shop สาขาไอคอนสยาม
[ กลับสู่ด้านบน ]
You must be logged in to post a comment.