ในบรรดาเครื่องเขียนหลากแบรนด์ที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ได้ดีที่สุด Montblanc ถือเป็นเครื่องเขียนที่หลายคนมักจะนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Meisterstück 149 แต่ก็มีปากกาอีกรุ่น นั่นก็คือ Montblanc Bohème ปากกาคอลเลคชันที่แบรนด์ออกวางจำหน่ายเมื่อปี ค.ศ. 2000 และเป็นปากกายอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งของบริษัท
ไรท์ติ้งอินไทย ขอนำเสนอรีวิวปากกาด้ามพิเศษรุ่นนี้ ที่จะทำให้ท่าน “หลงรัก” ในการเขียนด้วยปากกาหมึกซึมอีกครั้งหนึ่ง
ทำความรู้จักกับ Montblanc Bohème
Bohème ถือเป็นปากกาคลอเลคชั่นใหม่ของแบรนด์ที่ออกสู่ตลาดเมื่อปี ค.ศ. 2000 ต้อนรับศตวรรษที่ 21 และถือเป็นคอลเลคชันใหม่ของบริษัทในรอบหลายสิบปี นับตั้งแต่ Meisterstück ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1920 กลุ่มเป้าหมายคือคนที่ต้องการปากการุ่นใหม่ ดีไซน์ใหม่ มีการประดับพลอยสังเคราะห์ไว้ที่ตัวแหนบปากกา และมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม
ก่อนหน้าที่จะเป็นรุ่นนี้ บริษัทได้ทำตลาดปากการุ่นหนึ่งมาแล้ว ซึ่งมีการออกแบบที่คล้ายกัน (ต่างกันที่รายละเอียดเล็กน้อย) โดยให้ชื่อว่า Noir et noir และ Rough et noir เมื่อปี ค.ศ. 1999 ก่อนจะเปลี่ยนรายละเอียด และวางจำหน่ายจริงอย่างเป็นทางการตามที่ได้ระบุด้านบน
ข้อมูลจากผู้ใช้ leftyjo บนเว็บไซต์ Fountain Pen Network ระบุว่าปากการุ่นนี้ผลิตมาแล้วหลากรูปแบบ และผลิตมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 2015 จากนั้นบริษัทก็ไม่มีการออกรุ่นใหม่อีก สอดคล้องกับข้อมูลที่ทีมงานได้รับมาว่า บริษัทได้ยุติการผลิตปากการุ่นนี้แล้ว และสินค้าที่มีอยู่ในคลังทั้งหมดก็เป็นของที่เหลืออยู่ในคลังสินค้า ซึ่งรอจำหน่ายเท่านั้น และผนวกกับในเวลานี้ บริษัทได้ถอดข้อมูลที่เกี่ยวกับปากการุ่นนี้ไปแล้วจากหน้าเว็บไซต์ของตัวเอง
ในปัจจุบัน ปากการุ่นนี้ยังคงมีวางจำหน่ายเหลืออยู่บ้าง แต่คาดว่าสินค้าจะไม่มีเพิ่มเติมอีกแล้ว โดยสำหรับในประเทศไทย ถ้าเป็นปากกาหมึกซึมในปัจจุบันที่หน้าร้านจะเหลือเพียงรุ่น Bleu ในราคาด้ามละ 18,400 บาท
สำหรับปากการุ่นนี้มีรูปแบบการเขียนทั้งปากกาลูกลื่น ปากกาโรลเลอร์บอล และปากกาหมึกซึม โดยปากกาหมึกซึมจะมีทั้งที่เป็นแบบหัวยึดติดกับด้าม (fixed nib) และหัวแบบหมุนเก็บ (retractable nib) ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของปากการุ่นนี้ และใช้หัวปากกาขนาด 4 ซึ่งใช้ใน Meisterstück 144 และ 145 เป็นหลัก นอกจากนั้นยังมีรุ่นขนาดพิเศษ (Large) ที่ใหญ่เกือบเทียบเท่า 149 อีกด้วย นับว่าเป็นปากกาที่มีรุ่นย่อยมากที่สุดรุ่นหนึ่ง
ใครที่สนใจรุ่นย่อยต่างๆ สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้จากที่นี่ ส่วนรุ่นที่ทีมงานนำมารีวิวในครั้งนี้ เป็นรุ่นที่ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2000 และเป็นรุ่น Fixed nib ซึ่งสามารถใส่หลอดสูบหมึก (converter) เข้าไปได้ เป็นสีทอง มีทับทิมสังเคราะห์ประดับที่แหนบ ส่วนหัวปากกาทำจากทองคำ 14 กะรัตครับ
คุณสมบัติของตัวปากกา
เนื่องจากเป็นปากกาที่ทีมงานใช้งานมานานมากแล้ว ดังนั้นทีมงานจึงไม่มีทั้งกล่องและคู่มือหลงเหลืออยู่ จึงขอข้ามในส่วนบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ ไปที่ยังตัวปากกาโดยตรงครับ
ตัวปากกายังคงเป็นลักษณะสีพื้นฐานโดยทั่วไป ใช้วัสดุเป็นเรซินสีดำ ส่วนที่เป็นโลหะมีการชุบทองคำ และตัวแหนบมีการประดับทับทิมสังเคราะห์สีแดง ให้สีที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ฝาด้านบนมีตรา 6 แฉกของ Montblanc ประดับอยู่ ส่วนวงแหวนที่เชื่อมเข้ากับแหนบปากกามีการสลักรหัสประจำปากกา (serial number) ด้านหนึ่ง และคำว่า “GERMANY” อยู่อีกด้านหนึ่ง
ตัวทับทิมสังเคราะห์ ใช้การเจียระไนแบบ Paramount Cut ทำให้ได้ทรงออกมาสี่เหลี่ยมที่มีเอกลักษณ์มาก ในบางรุ่นอัญมณีเหล่านี้จะตัดเป็นรูปแบบอื่น ซึ่งบางแบบก็จะเป็นเพียงแหนบเฉยๆ ไม่มีการฝังอัญมณีก็มี
เมื่อหมุนปลอกออกมา ตัวด้ามจะแยกออกมา เผยให้เห็นตัวหัวปากกาอย่างชัดเจน โดยสามารถหมุนปลอกปากกาไว้ที่ท้ายด้ามได้ ซึ่งในกรณีที่เป็นรุ่นแบบเก็บหัวได้ (retractable nib) ก็จะเป็นการหมุนให้หัวปากกาออกมาด้วย
หัวปากกาเป็นขนาด 4 ซึ่งใช้อยู่ใน Meisterstück 144 และ Classique (145) เป็นหลัก ทำจากทองคำ 14 กะรัต ซึ่งในรุ่นพิเศษจะใช้เป็นทองคำ 18 กะรัตครับ
บริเวณเกลียวและที่จับ จะมีวงแหวนของปากกาสลักเอาไว้ว่า Montblanc Bohème ด้วย
สำหรับรุ่นที่ทีมงานใช้สำหรับรีวิวนี้ เป็นหัวขนาด M (Medium) ซึ่งเป็นหัวมาตรฐานของบริษัทครับ ทั้งนี้ยังมีรุ่นที่ใช้หัวขนาดอื่นๆ ด้วย (ในภาพเป็นหัวขนาด B หรือ Broad ที่ถ่ายก่อนเปลี่ยนหัวเป็น Medium)
ทดสอบเขียนจริง
สำหรับในริวิวนี้ ทีมงานทดสอบเขียนปากกาด้ามนี้โดยใช้หมึก Montblanc Permanent Black และกระดาษ Quality A4 80 gsm ให้ผลออกมาดังนี้ครับ
เมื่อเทียบกับประสบการณ์ของทีมงานที่รีวิว Meisterstück 149 มาแล้ว ก็ต้องบอกว่าหัวเขียนของ Bohème มีความแข็งขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง และเริ่มสัมผัสได้ถึงแรงต้านเวลาใช้เขียน อย่างไรก็ตาม ทีมงานยังคงรู้สึกว่านี่เป็นหัวปากกาที่ใช้ประสบการณ์เขียนที่ดีอันดับต้นๆ ของบรรดาปากกาต่างๆ เขียนได้ลื่น แต่มีความยืดหยุ่นต่ำกว่ารุ่นที่หัวเป็นทองคำ 18 กะรัตอยู่เล็กน้อย ขนาดเส้นแบบ Medium ที่ให้มาถือว้่ตรงกันมาตรฐานของยุโรปอยู่ แม้ทีมงานจะชอบให้ขนาดเส้นเล็กกว่านี้เล็กน้อยก็ตาม
เช่นเคย นี่เป็นปากกาที่จ่ายน้ำหมึกออกมาได้ดีมาก สม่ำเสมอ ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป อย่างไรก็ตามเมื่อใช้กับหมึกอย่าง Permanent Black แล้ว ทีมงานพบว่าหมึกที่มีความหนืดมากขึ้น ทำให้ปากกาเขียนไม่ติดบ้าง ซึ่งในการทดสอบครั้งหลังที่ทีมงานเปลี่ยนหมึกกลับไปเป็น Irish Green (ไม่ได้สแกนมา) หมึกก็ไหลออกมาได้ตามปกติไม่ขาดตอนแต่อย่างใด
เรื่องของขนาดปากกา ต้องถือว่ากำลังพอดีมือ ไม่ใหญ่และไม่หนักจนเกินไป พกพาง่าย ข้อสะดวกอีกอย่างคือสามารถใช้ได้ทั้งหมึกหลอก และหลอดสูบหมึกได้ สะดวกและล้างง่ายกว่าแบบก้านสูบ (piston filler) แน่นอน
ข้อเสียเพียงประการเดียวของปากการุ่นนี้ คือการมีส่วนที่เคลือบทองที่บริเวณคอหัวปากกา เมื่อใช้ไปนานๆ ระยะหนึ่ง หมึกจะกัดกร่อนทองจนร่อนออกมากลายเป็นแผ่นๆ เกล็ดๆ ซึ่งทำให้ปากกาดูมีรอยด่างได้
สรุป
Montblanc Bohème ถือเป็นหนึ่งในปากกาหมึกซึมที่ทีมงานประทับใจอีกด้ามหนึ่ง ไม่แพ้ปากกาหลายๆ ด้ามที่ทีมงานเคยทำรีวิวไปแล้ว ในแง่หนึ่ง นี่เป็นปากการาคาย่อมเยาลงมาจาก 149 และยังคงเอกลักษณ์แบบ Montblanc เอาไว้ได้ครบถ้วน ภายใต้การออกแบบใหม่ที่ไม่เหมือนกับรุ่นดั้งเดิม
เรื่องของการเขียน ถือว่าทำผลงานออกมาได้ดี เขียนได้ลื่น แม้หัวจะแข็งกว่าหัว 149 อยู่ระดับหนึ่งก็ตาม ขนาดและน้ำหนักเองก็ถือว่าพอดีเช่นเดียวกัน เรียกว่าออกแบบมาดีหมดทุกอย่าง
จุดที่เป็นข้อติจะอยู่ที่ตรงบริเวณหัวปากกาที่มักจะโดนหมึกกัดกร่อนและร่อนออกมา อันถือเป็นจุดอ่อนเพียงประการเดียวของปากการุ่นนี้ (ไม่นับเรื่องของราคา)
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ปากการุ่นนี้ไม่มีวางจำหน่ายแล้ว คงเหลือแต่เพียงสี Bleu ที่เป็นสีเงิน และแหนบประดับไพลินสังเคราะห์เท่านั้น โดยหัวเป็นแบบหมุนเก็บ (retractable nib) และยังคงมีวางจำหน่ายในไทย ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างไปจากปากการุ่นนี้อยู่บ้าง ผู้ซื้อจึงควรพิจารณาโดยละเอียดครับ ส่วนถ้าหากต้องการซื้อปากการุ่นนี้ อาจจะต้องหาจากเว็บไซต์ตลาดรองที่ยังคงมีวางจำหน่ายอยู่บ้าง แต่ราคาก็ไม่ได้ถือว่าถูกนักครับ
เครดิต
ภาพถ่าย: ศิระกร ลำใย / เนื้อหา: ภัทรนันท์ ลิ้มอุดมพร
You must be logged in to post a comment.