หลายคนอาจจะรู้จักกับ Montblanc ผ่านปากกายอดฮิตอย่าง Meisterstück 149 หรือ Bohème เป็นหลัก แต่ที่จริงแล้วทางแบรนด์ยังมีปากกาอีกด้ามหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันนัก แต่สำหรับนักสะสมแล้วคือของที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง นั่นก็คือ Meisterstück Hommage à W.A. Mozart ปากการุ่นเล็กสุดของค่าย ที่ในปัจจุบัน (2563) บริษัทได้ถอดออกจากเว็บไซต์บริษัทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เลิกผลิตแล้วนั่นเอง)
ทีมงานไรท์ติ้งอินไทย มีโอกาสได้เป็นเจ้าของปากกาด้ามนี้จากร้านมือสองชื่อดัง Komehyo ที่เพิ่งมาเปิดสาขาในประเทศไทยได้ไม่นานนัก จึงขอนำเสนอรีวิวปากกาน้องเล็กรุ่นนี้ให้กับทุกท่านครับ
หมายเหตุ: รีวิวสินค้าและบริการที่ท่านกำลังอ่านนี้ ทีมงานเป็นคนจัดหาเองทั้งหมด และไม่ได้รับการสนับสนุนจากตัวแทนของแบรนด์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ประการใด
ประวัติของ Meisterstück Hommage à W.A. Mozart
Meisterstück Hommage à W.A. Mozart หรือที่นักสะสมจะเรียกกันโดยย่อว่า Mozart เป็นปากการุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุดของ Montblanc Meisterstück และได้รหัสประจำตัวเป็น 114 นับว่าเป็นหนึ่งในปากกาที่ผลิตเคียงคู่กันมากับรุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น 149, 147, 146, 145 หรือ 144 ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับปากการุ่นนี้แทบไม่มีกล่าวถึงเลย ทราบกันแต่เพียงว่าสร้างขึ้น เพื่อเป็นเกียรติให้กับ Wolfgang Amadeus Mozart ศิลปินและนักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เสียชีวิตเมื่ออายุ 35 ปี และทิ้งบทเพลงอมตะหลายชิ้นเอาไว้ เช่น Eine Kleine Nachtmusik, K. 525 หรือ The Marriage of Figaro: Overture เป็นต้น
สำหรับตัวปากกานั้น ความเล็กของปากการุ่นนี้ ไม่ใช่แค่เล็กธรรมดา แต่เล็กในระดับที่ใส่หลอดหมึกได้เพียงอันเดียวเท่านั้นสำหรับปากกาหมึกซึม และบริษัทต้องออกแบบไส้หมึกใหม่สำหรับโรลเลอร์บอลและปากกาลูกลื่นให้ด้วย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้เก็บปากการุ่นนี้เอาไว้ตลอด และออกรุ่นพิเศษมาเป็นระยะให้กับปากการุ่นนี้ เช่น Solitaire Ramses II ด้วย แต่ในช่วง 5 ปีหลัง บริษัทเริ่มลดความสำคัญของปากการุ่นนี้ลง คงเหลือแต่รุ่นที่ขลิบทองคำขาว (Platinum) เท่านั้น ก่อนที่จะเลิกทำไปในที่สุด
สำหรับรุ่นที่ทีมงานนำมารีวิวนี้ เป็นรุ่นที่เป็นเรซินธรรมดาและมีสีทอง ซึ่งปัจจุบันไม่มีวางขายที่ใดแล้ว ยกเว้นในตลาดรองเช่นร้านมือสองเป็นต้น โดยทีมงานพบเจอปากกาด้ามนี้อยู่ที่ร้าน Komehyo ประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์
ทางเลือกกับการซื้อปากกามือสอง
หลายคนอาจมีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไปสำหรับการซื้อ (หรือขาย) ปากกามือสอง แต่โดยหลักแล้วมักจะเกิดกับปากกาที่มีราคาสูงระดับหนึ่ง และไม่มีจำหน่ายอีกแล้วในท้องตลาด ทำให้การหาในตลาดแรก (ซื้อตรงจากผู้ผลิต) เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ทำให้การซื้อขายตลาดรอง ย่อมเกิดขึ้นนั่นเอง
ประเด็นสำคัญอยู่ที่เรื่องของการซื้อขาย หากผู้ซื้อมีความรู้อยู่แล้ว ย่อมประเมินราคาและความคุ้มค่า รวมถึงประเมินความแท้-เทียม ของสินค้าได้ อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะไม่สะดวกหรือไม่มีความรู้มากเพียงพอในการประเมินความแท้และเทียมของสินค้า รวมถึงราคา ดังนั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการซื้อสินค้าผ่านบริการตัวกลางนั่นเอง
ในกรณีของทีมงาน เราตัดสินใจซื้อจาก Komehyo ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านลักษณะนี้ เนื่องจากมีการรับรองและบันทึกหลักฐานในการซื้อขายสินค้ามือสองเอาไว้ ลดความเสี่ยงทั้งในเรื่องของการซื้อของปลอม (มีการออกใบรับรองการซื้อสินค้า) รวมถึงกรณีพิพาทอื่นในทางกฎหมายด้วย
สำรวจตัวปากกา
ตัวปากกาหมึกซึม Meisterstück Hommage à W.A. Mozart มาในรูปแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ และยังคงดีไซน์แบบเดิม โดยที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก และถูกออกแบบมาให้หมุนสวมปลอกปากกาด้านหลังของด้ามได้ด้วย
ส่วนปลอกของตัวด้าม ยังคงเอกลักษณ์เดิมทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น 3 วงแหวนด้านล่าง แหนบที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมรหัสประจำตัวด้าม รวมถึงตราสัญลักษณ์ที่จำลองมาจากยอดเขา Mont Blanc ของยุโรป
ด้านในคลิปปากกามีการพิมพ์คำว่า Pix เอาไว้
โดยภาพรวม ปากการุ่นนี้ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากรุ่นใหญ่ รายละเอียดต่างๆ ยังคงเอาไว้ครบถ้วนและสมบูรณ์ สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดเจนคือขนาด เมื่อเทียบกับปากการุ่นใกล้เคียงกันแล้ว ต้องบอกว่า เล็กกว่ามากพอสมควร
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Meisterstück 149 ที่เรียกได้ว่า ต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่เมื่อเทียบกับปากกาพี่น้องอย่าง Bohème แล้ว ต้องบอกว่าความยาวไม่ต่างกันมากนัก สิ่งที่ต่างชัดเจนคือเส้นผ่าศูนย์กลางที่เล็กกว่า ทำให้ตัวด้ามที่ความยาวแม้จะเท่ากัน แต่ Mozart ผอมกว่ามาก
การออกแบบเช่นนี้ ทำให้หัวปากกาย่อมเล็กตามไปด้วย
ความเล็กของปากกา ก็ยังทำให้ตัวปากกาเองรองรับได้เฉพาะหลอดหมึกเท่านั้น ไม่สามารถใช้หลอดสูบหมึกได้
ด้านล่างคือภาพหัวเขียนของ Mozart เทียบกับ Boheme ที่เป็นหัวขนาด 5 (เท่ากับ 145 Classique)
และเทียบกับพี่ใหญ่ 149 ที่อยู่ไกลลิบๆ ออกไป ซึ่งขนาดหัวใหญ่กว่ามาก
ทดลองเขียน
ทีมงานทดสอบเขียนปากกาด้ามนี้บนกระดาษ Double A ที่ความหนา 80 แกรม ขนาด A4 ด้วยหมึก Montblanc Blue Hour ผลออกมาเป็นดังนี้
สิ่งที่ทีมงานพบ คือ มันเป็นหัวปากกาที่มีความคงเส้นคงวาตามมาตรฐานของแบรนด์อย่างมาก เขียนได้ลื่น จ่ายน้ำหมึกได้ดี กล่าวกันอย่างโดยสรุปคือ ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็น Meisterstück เอาไว้ได้อย่างทุกมิติ มีความลื่น และมีความ “Reliable” หรือเชื่อถือได้ของมันเอง (อ่านรีวิว Bohème ได้เลย ประสบการณ์เดียวกัน)
เรียกว่าถ้าใครคิดว่าประสบการณ์การเขียนจะต่างออกไป (ทีมงานก็คิดเช่นนี้ตอนแรก) ก็ต้องบอกว่า “ผิดถนัด” ไปเลย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจะเป็นข้อจำกัดของปากกาตัวนี้ อยู่ที่การใช้หมึกหลอด และรองรับครั้งละหลอดเท่านั้น ดังนั้นก็อาจจะต้องพกหมึกหลอดไปเพิ่ม นอกจากนั้นแล้วอีกส่วนคืออยู่ที่ขนาดของปากกาซึ่งเล็กมากกว่าปกติ อาจจะเหมาะสมกับคนที่มือเล็ก ไม่ก็สุภาพสตรีเป็นหลัก
ราคาและสถานที่ซื้อ
อาจจะเป็นข่าวร้ายสักหน่อยสำหรับคนที่ต้องการหาซื้อปากกาด้ามนี้เอาไว้ใช้งาน (หรือเก็บสะสม) เพราะเนื่องจากปัจจุบันทางบริษัทได้เลิกผลิตปากการุ่นนี้แล้ว ถ้ามีอยู่ก็คือเป็นของค้างในคลังสินค้า (สต็อก) หรือไม่ก็ต้องเป็นสินค้ามือสอง ซึ่งในกรณีนี้ของทีมงาน สินค้าเป็นสินค้ามือสองในสภาพดีมาก (เหมือนใหม่) ครับ
ราคาที่ทีมงานได้มาอยู่ที่ 9,000 บาท ถือว่าไม่ถูก แต่ก็ไม่แพงจนเกินไปนัก
สำหรับในต่างประเทศ สินค้าที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ Montblanc ที่ประเทศอังกฤษ มีเฉพาะแบบเคลือบทองคำขาวเท่านั้น จำหน่ายอยู่ที่ราคาด้ามละ 420 ปอนด์ (ประมาณ 17,300 บาท ซึ่งเข้าใจว่าเป็นของที่ค้างสต็อก เพราะในฝั่งสหรัฐอเมริกาไม่สามารถสั่งได้แล้ว)
สรุป
โดยภาพรวม Meisterstück Hommage à W.A. Mozart นับว่าเป็นปากกาที่มีความน่าสนใจอย่างมาก ในมิติหนึ่งคือเรื่องของขนาดตัวด้ามที่เล็กกว่าปกติ แต่ยังคงรักษาคุณภาพของการเขียนเอาไว้ได้อย่างเต็มร้อย ยังไม่นับการที่สามารถรักษาการออกแบบของตัวปากกาได้อย่างดีอีกด้วย
หากคุณชอบปากกาหมึกซึมขนาดเล็กที่เขียนได้ดีไม่แพ้ปากกาด้ามใหญ่ ปากการุ่นนี้เป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ได้ตรงประเด็นมากที่สุด หรือถ้าต้องการปากกาที่ยังมีความเป็น Montblanc แต่มีความเนียนกว่า (subtle) มากกว่าการใช้รุ่นใหญ่อย่าง 149 ปากการุ่นนี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของปากกาตัวนี้ อยู่ที่ความสามารถในการจุหมึกที่น้อย (ขนาดตัวเล็ก) ทำให้ต้องเตรียมหมึกหลอดไปเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ และแน่นอนว่าปากกาขนาดนี้ก็ไม่เหมาะไปกับทุกคน สำคัญที่สุดคือบริษัทเลิกผลิตไปแล้ว ดังนั้นปากการุ่นนี้จึงแปลงสภาพกลายเป็นของหายากในตลาดไปโดยปริยายด้วย ซึ่งก็ต้องลุ้นว่าราคาในตลาดรอง (มือสอง) จะวิ่งไปจบที่เท่าไหร่กัน
จุดแข็ง | จุดอ่อน |
---|---|
รักษาการออกแบบทั้งหมดเอาไว้ได้ดี | จุหมึกได้น้อย ต้องเตรียมหลอดหมึกเปลี่ยน |
ปากกาทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ | ขนาดที่เล็ก ไม่เหมาะกับทุกคน |
ขนาดที่พกพาไปได้ง่ายและสะดวก | เลิกผลิตแล้ว สินค้าอยู่ในกลุ่มที่หายาก ราคามือสองอาจจะพุ่งเกินกว่าปกติ |
You must be logged in to post a comment.