ไรท์ติ้งอินไทย เคยรีวิวเครื่องเขียนต่างๆ มาพอสมควร แต่ครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสที่พิเศษอย่างมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ทีมงานจะรีวิว “ดินสอไม้” ที่มีชื่อว่า Les Crayons de la Maison Caran d’Ache no. 6 Edition อันเป็นผลจากความร่วมมือระหว่าง Caran d’Ache ผู้ผลิตเครื่องเขียนชื่อดังจากสวิตเซอร์แลนด์ และ Maison Mizensir ผู้ผลิตเครื่องหอมจากสวิตเซอร์แลนด์อีกเช่นกัน และอาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นชุดดินสอไม้ที่มีราคาต่อด้ามแล้ว น่าจะแพงที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้
ทีมงานภูมิใจนำเสนอรีวิวชิ้นนี้ให้กับผู้อ่านทุกท่าน ในวาระของการครบรอบ 2 ปีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
หมายเหตุ รีวิวนี้ทีมงานไม่ได้รับการสนับสนุนจากตัวแทนจำหน่ายแต่อย่างใด และทีมงานได้จัดซื้อดินสอที่ใช้ในการรีวิวนี้เองจากทางตัวแทนจำหน่ายโดยตรง ไม่ได้สั่งจากต่างประเทศแต่อย่างใด
Caran d’Ache ในฐานะผู้ผลิตดินสอชั้นเยี่ยม
หากยังจำกันได้จากประวัติของบริษัทในรีวิวปากกาหมึกซึม 849 Caran d’Ache ผลิตดินสอมาก่อนเป็นอย่างแรก และถือว่าเป็นความชำนาญที่สุดของบริษัทด้วย บริษัทจึงภูมิใจกับประวัติศาสตร์ส่วนนี้เป็นอย่างมาก
ในกลุ่มของดินสอของบริษัท สามารถแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ดินสอสี และดินสอดำ ซึ่งกลุ่มดินสอดำ หรือ Graphite Pencils สามารถแตกย่อยได้เป็นหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น Grafwood, Hardness Degrees แต่ในรุ่นที่ถือว่าเป็นรุ่นสูงที่สุด มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Les Crayons de la Maison Caran d’Ache” หรือแปลเป็นไทยคือ “ชุดดินสอที่ทำจาก Caran d’Ache ทั้งหมด” นั่นเอง
แม้จะเป็นชื่อรุ่นที่ไม่บ่งบอกอะไรมาก แต่บริษัทผลิตดินสอรุ่นนี้มาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ในแต่ละครั้งบริษัทได้เลือกเฟ้นวัสดุที่ดีเยี่ยม เพื่อจะนำมาเป็นวัตถุดิบให้กับการผลิตดินสอในรุ่นนี้ เช่น ไม้หายาก เป็นต้น ดังนั้นดินสอรุ่นนี้จึงกลายมาเป็น “ของสะสม” สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดินสอในฐานะเครื่องเขียนที่ดีเยี่ยมด้วย
และแน่นอนว่าเมื่อขึ้นถึงสถานะของการเป็นของสะสม ทำให้ดินสอรุ่นนี้ผลิตออกมาจำนวนน้อย และมีราคาต่อด้ามที่สูงมาก เนื่องจากแต่ละชุดจะมีเพียง 4 ด้ามเท่านั้น ในกรณีของรุ่นหมายเลข 7 ที่ออกในปี 2017 ราคาจำหน่ายในปัจจุบันที่ออสเตรเลียตกอยู่แท่งละ 17.2375 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือคิดเป็นเงินไทยแล้วอยู่ที่แท่งละ 360 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
สำหรับรุ่นที่ทีมงานนำมารีวิวในครั้งนี้ เป็นรุ่นหมายเลข 6 ที่มีความพิเศษ กล่าวคือ เป็นดินสอไม้ที่อาบน้ำหอมของ Maison Mizensir ผู้ผลิตและปรุงเครื่องหอมรายสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้กลิ่นที่มีชื่อว่า Bois du Tibet หรือ กลิ่นไม้ทิเบต ในการเข้ามาอาบไม้ เพื่อให้ได้กลิ่นที่ชัดเจน (วันที่ทีมงานได้มา เปิดไว้ครึ่งชั่วโมง กลิ่นฟุ้งหอมทั่วห้อง) ซึ่งทั้งสองบริษัทยังมีอีกรุ่นคือ รุ่นหมายเลข 8 ที่เริ่มต้นวางจำหน่ายแล้วเช่นกัน
Maison Mizensir เป็นร้านผลิตเครื่องหอมจากเจนีวาโดย Alberto Morillas ในปี 1999 (ประวัติอยู่ตรงนี้) โดยเริ่มต้นจากการผลิตเทียนหอมก่อน และยังเป็นสินค้าหลักของร้านมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับเพิ่มสเปรย์กลิ่นหอมให้กับห้องขึ้นมาด้วย และเพิ่มน้ำหอมสำหรับบุคคลขึ้นมาในท้ายที่สุด ก่อนที่จะวางจำหน่ายสินค้าของเขาไปทั่วโลก
ตัวไม้ที่นำมาทำก็มีความหรูหราไม่แพ้กัน ทางบริษัทระบุว่าเลือกไม้มา 4 ชนิด ประกอบไปด้วย
- Western Hemlock เป็นต้นไม้ที่พบในมลรัฐอลาสก้าและมลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มักนำไปใช้ในการทำกระดาษ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้ชั้นดี
- White Oak เป็นต้นไม้ที่พบในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ถูกนำมาใช้เป็นไม้เนื้อแข็งผลิตถังหมักบ่มไวน์และวิสกี้ นอกจากนั้นแล้วยังมีอายุยืนยาวอีกด้วย
- Silver Teak หรือไม้สัก อันเป็นไม้เนื้อแข็งที่คนไทยคุ้ยเคยกัน จุดเด่นอยู่ที่ความแข็งและสีที่เข้ม ติดออกดำ
- White Ash เป็นไม้ที่เติบโตในสหรัฐอเมริกาเป็นหลักเช่นกัน นำมาใช้เป็นวัสดุต่างๆ มีจุดเด่นอยู่ที่ความแข็งแรงอย่างมาก (เช่น เอามาทำไม้เบสบอล เป็นต้น)
ไม้ทั้ง 4 ที่ถูกเลือกนำมาเป็นไม้ของดินสอ ได้รับการรับรองจาก FSC (Forest Stewardship Council) และ OLB (Original and Legality of the wood) ว่าได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มาจากแหล่งที่มีความรับผิดชอบ (responsible) ดังนั้นจึงไว้ใจได้ว่าไม่ได้นำไม้จากป่าผิดกฎหมายมาทำเป็นดินสออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรตระหนักคือไม้ที่นำมาทำนี้มาจาก “reconstituted wood” คือการนำเอาไม้มาประกบรวมกันเป็นชั้น ซึ่ง Pencil Talk บล็อกชื่อดังด้านดินสอระบุว่า การทำเช่นนี้แปลว่าไม้ที่นำมาสร้างดินสอรุ่นนี้ อาจจะไม่ใช่ไม้จริงๆ แบบที่บริษัทระบุเอาไว้ก็ได้
จากการค้นหาของทีมงานในฐานข้อมูลของ FSC มีการระบุชื่อไม้หลักเอาไว้ และไม้แต่ละตัวที่ถูกระบุชื่อเอาไว้ กลับไม่ตรงกับไม้ทั้ง 4 ชนิดที่ทางบริษัทระบุเอาไว้ ผู้ซื้อควรใช้วิจารณญาณมากพอสมควรในการซื้อดินสอตัวนี้
ตัวไส้ดินสอทำจากกราไฟต์ มีความทึบที่ HB ที่เหมาะสำหรับการเขียนโดยทั่วไป
ราคาและสถานที่ซื้อ
รีวิวนี้ทีมงานขออนุญาตนำราคาขึ้นมาก่อน เนื่องจากเป็นดินสอที่ทีมงานเชื่อว่า น่าจะมีราคาแพงที่สุดต่อแท่งในประเทศไทย ณ เวลานี้
ราคาจำหน่ายของดินสอชุดนี้ (4 แท่ง/ชุด) บรรจุมาในกล่องสีดำสวยงาม ราคาอยู่ที่ชุดละ 1,830 บาท (457.5 บาท/แท่ง) ก่อนคำนวณส่วนลดใดๆ นับว่าเป็นดินสอไม้ที่มีราคาสูงที่สุดในประเทศไทยที่วางจำหน่ายในเวลานี้ (อนึ่ง ราคานี้ยึดตามที่แจ้งบน Facebook ซึ่งหากมีส่วนลดราคาก็จะลดลงมา)
สำหรับตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยในตอนนี้ บริษัท แคปิตอล กู๊ด ริช จำกัด เป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียวสำหรับดินสอนี้ และสามารถหาซื้อได้จากจุดจำหน่าย (เคาน์เตอร์) ของบริษัททั่วประเทศครับ
สำรวจและแกะกล่อง
ตัวกล่องบรรจุดินสอ มาในรูปแบบของกล่องกระดาษสีดำ พร้อมหุ้มชั้นพลาสติกบางๆ เอาไว้
ด้านบนของกล่อง พิมพ์ตราสัญลักษณ์ Caran d’Ache ของบริษัทเอาไว้
ด้านล่างประกอบไปด้วยชื่อรุ่น และตราสัญลักษณ์ว่าเป็นดินสอผสมน้ำหอมของ Mizensir
จุดที่โดดเด่นอีกอย่าง คือการเจาะช่องหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ไว้บนตัวกล่อง ทำให้เห็นดินสอทั้งสี่แท่งพร้อมกับ สร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ด้านหลังของกล่อง ระบุข้อมูลต่างๆ เอาไว้ พร้อมแปะข้อมูลการรับรองการจัดหาไม้แบบมีความรับผิดชอบ (responsible wood)
หลังจากแกะพลาสติกออก (กลิ่นน้ำหอมพุ่งออกมาทันที) ดึงตัวถาดกระดาษด้านในออกมา (คล้ายลิ้นชัก) ก็จะพบกับดินสอจำนวน 4 แท่ง และเอกสารแนบที่เป็นข้อมูลบรรยายเกี่ยวกับไม้ทั้ง 4 ชนิด
สำรวจตัวดินสอ
ดินสอทั้ง 4 แท่ง ถูกจัดเรียงมาอย่างสวยงาม พร้อมเหลามาให้เรียบร้อยในกล่อง เรียกว่าพร้อมหยิบใช้ได้ทันที
ตัวดินสอนับว่าสร้างความแปลกตาอย่างมากให้กับทีมงาน เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ทีมงานรู้สึกว่าดินสอที่แสดงเนื้อไม้เปล่าๆ เช่นนี้ เป็นดินสอที่มีความสวยงามอย่างมาก
ตัวหนังสือที่พิมพ์อยู่บนด้ามดินสอ ก็เป็นตัวอักษรที่มีความเงา และใช้สีเงินในการพิมพ์ สร้างความแตกต่างและโดดเด่นอย่างมาก
รีวิวใช้งานจริง
สำหรับรีวิวนี้ ประกอบด้วย 2 ส่วน นั่นคือรีวิวในส่วนของกลิ่น และ รีวิวในส่วนของการเขียนครับ
กลิ่นของดินสอ
จุดเด่นประการหนึ่งของดินสอรุ่นนี้อยู่ที่เรื่องของกลิ่น บริษัทระบุว่ากลิ่นจะประสานระหว่าง พิมเสน, ควันธูป และ เมล็ดถั่วทองกา (Tonka) ทีมงานพบว่ากลิ่นที่ออกมา มีลักษณะเหมือนกลิ่นไม้โอ๊ค ช็อกโกแลต อัลมอนด์ และผลไม้ประเภทเบอร์รี่เสียมากกว่า
ทดสอบการเขียน
ทีมงานทดสอบการเขียนของดินสอ (สุ่มออกมา 1 ด้าม เพราะเหมือนกัน) บนกระดาษ Double A ขนาด A4 ที่ความหนา 80 แกรม
สิ่งที่ทีมงานพบคือประสบการณ์เขียนที่แตกต่างจากดินสอโดยทั่วไป ปกติแล้วดินสอโดยทั่วไปเนื้อไส้ดินสอมักจะเขียนไม่ค่อยนุ่มหรือลื่น แต่กับดินสอชุดนี้ ประสบการณ์ที่ได้คือมีความนุ่มนวล เขียนได้ลื่น ผิดวิสัยกับดินสอโดยทั่วไปที่ทีมงานใช้อย่างชัดเจน เรียกว่าผลงานน่าพอใจ
เรื่องของความเข้มของกราไฟต์ ด้วยความหนาที่ HB ทำให้เขียนออกมาสามารถอ่านออกได้ดี ไม่บางจนเกินไปครับ
สรุป
ในเรื่องของประสิทธิภาพการเขียน ทีมงานไม่มีข้อกังขาใดๆ กับดินสอตัวนี้ เพราะเขียนได้ลื่นและดีมากกับกระดาษที่ปกติทีมงานใช้ทดสอบอยู่ รวมถึงเรื่องของรูปแบบภายนอกของดินสอชุดนี้ ก็สะดุดตา มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนกับดินสอทั่วไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทีมงานนึกไม่ออกว่า นอกจากกลุ่มผู้สะสมดินสอ กับคนที่ชอบดินสอดีๆ ระดับเทียบเท่ากับปากกาหมึกซึมชั้นสูงแล้ว ดินสอชุดนี้จะเหมาะกับใครได้บ้าง? คำตอบอาจจะอยู่ที่ความหายากของดินสอชนิดนี้ที่ทำมาจำนวนจำกัด และด้วยราคาวางจำหน่ายที่แพงสูงมากๆ ก็คงมีคนน้อยรายที่จะสามารถเข้าถึงดินสอชุดนี้ได้อย่างจริงจังนั่นเอง
หากท่านเป็นคนที่หาดินสอเพื่อสะสม หรือต้องการใช้งานดินสอในระดับที่ดีที่สุดในทุกมิติ Les Crayons de la Maison Caran d’Ache’ no. 6 Edition ชุดนี้ย่อมตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าอยากได้ดินสอที่มาใช้งาน โดยยังคงคุณภาพในการเขียนเอาไว้เช่นเดิม ดินสอตัวรองลงมาของแบรนด์อย่างเช่นในกลุ่ม Graphite ก็ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการได้เช่นกัน โดยที่ไม่เสียอะไรไปมาก นอกจากความหรูหรา กลิ่น และการได้เป็นหนึ่งในการครอบครองชุดดินสอที่น่าจะแพงที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนี้ครับ
You must be logged in to post a comment.